BTG หรือ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทเกษตรอุตสาหกรรมและอาหารครบวงจร
ที่คนไทยรู้จักเป็นอย่างดี และเชื่อว่า BTG เป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต
แต่ถ้าใครสังเกตราคาหุ้น BTG ตอนนี้พบว่า ราคาหุ้นตกไปแล้วกว่า -36% ในรอบ 1 ปี
ต่ำกว่าราคา IPO ที่ราคา 40 บาท
คำถาม คือ เกิดอะไรขึ้นกับหุ้น BTG
คำตอบ คือ นักลงทุนกำลังจะเห็นการขาดทุนของ BTG เนื่องมาจากสถานการณ์ราคาหมูที่ตกต่ำลงอย่างมาก
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เคจีไอ วิเคราะห์ว่า
BTG น่าจะรายงานขาดทุนสุทธิ 339 ล้านบาท จากราคาหมูที่ตกต่ำลงมามากและยาวนาน
ในขณะที่รายได้จากธุรกิจอาหารลดลง และปริมาณขายมีแนวโน้มทรงตัว
ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นลดลงมาเหลือ 10.4% จากเดิมอยู่ราวๆ 19% ในปีที่แล้ว
แต่BTG มีการควบคุมต้นทุนที่ดีเยี่ยม ราคาอาหารสัตว์ถูกลงและบริษัทมีการเก็บสต็อกเพียงพอในการผลิต รวมถึง SG&A จะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
... อย่างไรก็ตาม ไตรมาส 2 คือขาดทุน
และแนวโน้มก็อาจจะแย่ลงในช่วงที่เหลือของปี
ทำให้ฝ่ายวิจัยมองว่า ปี 2566 บริษัทน่าจะรายงานกำไรสุทธิ 3.1 พันล้านบาท น้อยกว่าปี 2565 ที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 7.93 พันล้านบาท
- รู้จัก COCOCO ผู้แปรรูปมะพร้าวรายใหญ่ของไทย ที่กำลังจะ IPO เร็วๆนี้
- รู้จัก SFLEX ธุรกิจผลิต "ถุง" ที่ราคาหุ้นขึ้นมาแล้วเกือบ 50%
- สรุป CPALL นักลงทุนกำลังจะเห็นผลประกอบการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
- สรุปภาพรวม CPF ผลประกอบการขาดทุน มองหาปัจจัยบวก อยู่ที่ตรงไหน ?
สอดคล้องกับความเห็นของบทวิเคราะห์หลักทรัพย์หยวนต้า ที่มองว่า BTG น่าจะมีผลขาดทุนปกติ 234 ล้านบาท จากที่เคยกำไรใน 1Q66 ที่ 365 ล้านบาท และ 2.08 พันล้านบาท ใน 1Q65
สาเหตุเป็นเพราะว่า ราคาขายหมูหน้าฟาร์มลดลงอย่างต่อเนื่อง อยู่ที่ 77 บาทต่อกิโลก จากเดิมที่เคยสูงถึง 107 บาทต่อกิโลกรัม
ปัญหาที่แก้ยาก คือ การลักลอกนำเข้าหมูเถื่อนรุนแรงกว่าที่คิด เป็นตัวกดดันราคาขาย
อย่างไรก็ตาม BTG จะได้ปัจจัยบวกจากต้นทุนการเลี้ยงที่ลดลง โดยเฉพาะข้าวโพดและกากถั่วเหลืองที่ถูกลง แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะชดเชยอัตรากำไรขั้นให้กลับมาสูงได้เหมือนช่วงที่ผ่านมา
แต่จุดที่แตกต่าง คือ ฝ่ายวิจัย มองว่าความหวังของ BTG น่าจะกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งปีหลัง
จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น ราคาขายเฉลี่ยที่อาจจะฟื้นตัว และต้นทุนการเลี้ยงปรับลดลง
ทั้งนี้ เราไม่อาจมองข้ามปรากฏการณ์ภัยแล้ง หรือ El Nino ที่กำลังจะมาถึงอาจจะทำให้ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้น ต้นทุนการเลี้ยงมีแนวโน้มที่จะปรับตัวสูงขึ้นในระยะถัดไป
ฝ่ายวิจัย มองว่า กำไรปี 2566 ของ BTG น่าจะอยู่ราวๆ 911 ล้านบาท
และกำไรปี 2567 อยู่ที่ 3.41 พันล้านบาท สาเหตุเพราะแนวโน้มผลประกอบการ 2Q66 ที่อ่อนแอกว่าที่ตลาดคาดไว้
สิ่งที่นักลงทุนต้องติดตาม คือ ราคาหมู
และประเด็นเรื่องหมูเถื่อนในประเทศที่ต้องคลี่คลายให้ได้ ถ้าไม่อย่างนั้นหุ้นอาหารและเกษตรก็ไม่อาจฟื้นตัวได้ในเร็ววัน ...
ต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดครับ
------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์หยวนต้า