ในช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นไทยเป็นขาลง สิ่งที่นักลงทุนมักจะมองหา คือ มองหาหุ้นที่โดดเด่นกว่าตลาด
และหุ้นที่ Outperform ตลาดได้อย่างมาก คือ SFLEX หรือบริษัท  สตาร์เฟล็กซ์ จำกัด (มหาชน) 
ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน (Flexible Packaging) สำหรับสินค้าอุปโภคและบริโภค ตามคำสั่งซื้อของลูกค้า (Made to Order) 
โดยแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบ ได้แก่ 
บรรจุภัณฑ์ประเภทม้วน (Roll Form) 
และบรรจุภัณฑ์ประเภทซอง (Pre Form Pouch)

ราคาหุ้นใน 1 ปีที่ผ่านมา ราคาหุ้น +46.71%
และใน 6 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น +31% 
แสดงให้เห็นว่านักลงทุนมองถึงแนวโน้มการเติบโตที่น่าสนใจอย่างมากของ SFLEX 
คำถามคือ การเติบโตของ SFLEX ต่อจากนี้อยู่ที่ตรงไหน ? 
คำตอบ คือ การเติบโตที่มาจากทั้ง Organic Growth และ Inorganic Growth

ในด้านของ Organic Growth 
บริษัทมีกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุปโภค บริโภค ที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน และมีการกลับมาใช้ใหม่เรื่อยๆ
ถึงแม้ว่าบรรจุภัณฑ์ (ถุง) จะคิดเป็นสัดส่วนเล็กน้อยในสินค้าประเภทนี้ แต่กลับกลายเป็นว่าเป็นสินค้าที่ขาดไม่ได้ มีความเสี่ยงต่ำและเติบโตไปพร้อมกับการอุปโภคบริโภคที่เพิ่มขึ้น 
... นอกจากนี้ บริษัทยังมีการบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างดีเยี่ยม โดยเฉพาะเม็ดพลาสติก ที่เพียงพอต่อการใช้งานไปจนถึงสิ้นปีเป็นอย่างน้อย ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นของ SFLEX มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น จากต้นทุนเม็ดพลาสติกที่ต่ำ

• รู้จัก KJL Growth Story ของการเป็นผู้นำนวัตกรรมระบบไฟฟ้า
• รู้จัก I2 ผู้รับเหมางาน IT ขนาดเล็ก ที่กำลัง IPO เข้าตลาดเร็วๆนี้
• สรุปประเด็น OR Growth Story ที่มาจากธุรกิจ Mobility และ Lifestyle

ในด้านของ InOrganic Growth 
เมื่อไม่นานมานี้ SFLEX ได้มีการจัดตั้งบริษัทใหม่ร่วมกับ SCGP  ที่เวียดนาม ในชื่อ SPV ทำธุรกิจผลิตกล่องกระดาษแข็งแบบพับ 
โดย SFLEX ถือหุ้น 25% และ SCGP ถือหุ้น 70% 
... รวมถึงการร่วมมือกับ TU ตั้งบริษัทใหม่ร่วมกับ SFLEX ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน ในชื่อ TUG

ซึ่งทั้ง 2 ดีลนี้ จะทำให้กำไรของ SFLEX เติบโตมากถึง 231% ในปี 2566 เป็น 182 ล้านบาท ผลักดันอัตรากำไรขั้นต้นสูงถึง 19.7%

ผลประกอบการของ SFLEX ที่ผ่านมา
ปี 2562 บริษัทมีรายได้ 1.27 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 78.61 ล้านบาท
ปี 2563 บริษัทมีรายได้ 1.41 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 142.80 ล้านบาท
ปี 2564 บริษัทมีรายได้ 1.72 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 149.42 ล้านบาท
ปี 2565 บริษัทมีรายได้ 1.69 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 55.07 ล้านบาท
ปี 2566 ไตรมาส 1 บริษัทมีรายได้ 477.31 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 40.70 ล้านบาท
โดยบริษัทมี Net Margin อยู่ราวๆ 8-10%

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เคจีไอ วิเคราะห์ว่า ผลประกอบการของ SFLEX จะเติบโตทุกๆไตรมาส ยาวไปจนถึงปี 2568 
และจากการโตทั้ง Organic และ Inorganic จะทำให้บริษัทโตเฉลี่ยปีละ +63% CAGR
ท่ามกลางสัดส่วนหนี้สินที่เพิ่มขึ้นไม่มาก เพียง 1.08 เท่า ซึ่งอยู่ในระดับที่ไม่สูง กระแสเงินสดจากธุรกิจหลักยังสามารถบริหารจัดการได้

SFLEX คือหุ้นอีกหนึ่งตัวที่นักลงทุนต้องจับตาเป็นอย่างมากครับ ...

------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เคจีไอ

สรุปข้อสนเทศบริษัทจดทะเบียน : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ทันหุ้น [1]

ทันหุ้น [2]