หลายๆครั้งเรามักจะมองหาบริษัทขนาดเล็ก ที่มีศักยภาพในการเติบโต
หนึ่งในบริษัทที่น่าสนใจ คือ KJL หรือบริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน)
บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งเมื่อปี 2539 โดยคุณการุณย์ สุจิวโรดมเพื่อรับผลิตและจำหน่ายตู้ไฟสวิทช์บอร์ด รางเดินสายไฟ
ซึ่งคุณการุณย์ เป็นผู้มีความเชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในธุรกิจนี้อยู่แล้ว ได้ต่อยอดไปถึงระบบและอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เกี่ยวข้อง
ปัจจุบัน บริษัทฯ ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายตู้ไฟสวิทช์บอร์ด รางเดินสายไฟ อุปกรณ์ที่ใช้เดินสายไฟ และชิ้นส่วนงานโลหะแผ่นแปรรูปสั่งผลิตพิเศษ ด้วยเครื่องจักรและเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย
บริษัทฯ มีผลิตภัณฑ์หลัก ได้แก่ ตู้ไฟสวิทช์บอร์ด รางเดินสายไฟ รางไวร์เวย์ รางเคเบิ้ลแลดเดอร์ รางเคเบิ้ลเทรย์ ทั้งแบบพ่นสีและงานชุบสังกะสี หรือฮอตดิปกัลวาไนซ์ (Hot-Dip Galvanized) ภายใต้เครื่องหมายการค้า KJL ซึ่งบริษัทฯ จำหน่ายทั้งสินค้ามาตรฐานและสินค้าสั่งผลิต (Made to Order) โดยลูกค้าสามารถปรับเปลี่ยนข้อกำหนดของสินค้าได้
บริษัทมีโครงสร้างรายได้หลักมาจาก 5 กลุ่มธุรกิจด้วยกัน คือ
1. สินค้ามาตรฐานเคเจแอล สัดส่วนรายได้ 69%
2. สินค้าสั่งผลิต สัดส่วนรายได้ 24%
3. เศษเหล็ก สัดส่วนรายได้ 4%
4. สินค้าโลหะแปรรูปสั่งผลิตพิเศษ สัดส่วนรายได้ 2%
5. สินค้าเกี่ยวกับระบบไฟฟ้า สัดส่วนรายได้ 1%
ผลประกอบการที่ผ่านมา
ปี 2564 บริษัทมีรายได้ 845.78 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 94.04 ล้านบาท
ปี 2565 บริษัทมีรายได้ 1.02 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 131.63 ล้านบาท
ปี 2566 ไตรมาส 1 บริษัทมีรายได้ 240.75 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 33.65 ล้านบาท
โดยบริษัทมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ราวๆ 13%
- เจาะประเด็น SCGP หุ้นที่คนซื้อวันนี้ ได้เปรียบคนซื้อ IPO มาก
- ผลประกอบการ SCC Preview สะดุดระยะสั้น แต่ดีในระยะยาว
- รู้จัก I2 ผู้รับเหมางาน IT ขนาดเล็ก ที่กำลัง IPO เข้าตลาดเร็วๆนี้
คำถาม คือ ถ้า KJL มีการเติบโตอย่างที่กล่าวมา การเติบโตของบริษัทอยู่ตรงไหน ?
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์หยวนต้า วิเคราะห์ว่าการเติบโตของ KJL จะมาจาก 4 ส่วนด้วยกัน คือ
1. กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น
2. การเปิดตัวสินค้าใหม่ที่ผ่านมา ทำให้ไตรมาส 2 รับรู้รายได้เต็มไตรมาส
3. การเปิดตัวสินค้าใหม่ ไตรมาส 2 จากสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนในเดือนสิงหาคม จะเป็น Upside ในอนาคต
4. ราคาต้นทุนวัตถุดิบอยู่ในระดับต่ำ ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นแตะระดับ 31%
พูดง่ายๆ คือ KJL จะมีกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น จากเดิม 25 ล้านชิ้น มาเป็น 30 ล้านชิ้นภายในสิ้นปี 2566 พร้อมกับอัตรากำไรขั้นต้นแตะระดับ 14% จะทำให้ผลประกอบการของ KJL ทำระดับ New High ได้ไม่ยาก
บทวิเคราะห์ มองว่า ไตรมาส 2 บริษัทจะมีกำไรอยู่ที่ 39 ล้านบาท เติบโต 16.5% QoQ และ +3.9% YoY สาเหตุหลักมาจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น และการเปิดตัวสินค้าใหม่
สำหรับกำไรสุทธิทั้งปี 2566 จะอยู่ที่ 150 ล้านบาท เติบโต +14% YoY
และในปี 2567 บริษัทจะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 177 ล้านบาท เติบโต +17.8% YoY
สวนทางกับราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วง 7 เดือน ราคาหุ้นลดไปแล้วกว่า -43%
ถือเป็นหุ้นขนาดเล็ก แต่มีอัตราการเติบโตที่น่าสนใจที่นักลงทุนน่าจับตาเป็นอย่างมาก
อนึ่ง KJL กำลังอยู่ระหว่างก่อสร้าง KJL Innovation Campus เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 40 ล้านชิ้นต่อปี เพิ่มช่องทางการขาย ขยายฐานลูกค้า และการบริการที่ครบวงจรมากขึ้น
คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2568 จะเป็น Upside ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีกด้วย
------------------------------------------------------------------------------
Reference
สรุปข้อสนเทศบริษัทจดทะเบียน : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ : บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน)