#ข่าวหุ้นธุรกิจการลงทุน

สรุปกองทุน ThaiESG ช่วยตลาดหุ้นไทยได้มากแค่ไหน ?

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
1,238 views

มีความชัดเจนแล้วสำหรับกองทุน ThaiESG สำหรับเพื่อการลงทุนและการลดหย่อนภาษีสำหรับนักลงทุน
โดยสาระสำคัญ คือ 
- ลดหย่อนภาษีไม่เกิน 3 แสนบาท (จากเดิม 1 แสนบาท)
- ถือครอง 5 ปี (จากเดิมไม่น้อยกว่า 8 ปี)
- สินทรัพย์ส่วนใหญ่จะต้องเป็นหุ้นและตราสารหนี้
แตกต่างจาก LTF อย่างชัดเจนที่ต้อง ลงทุนหุ้นไทยไม่น้อยกว่า 65% ลดหย่อนภาษีสูงสุด 5 แสนบาท และต้องถือครอง 7 ปีปฏิทิน

Thai ESG หรือ Thailand ESG Fund คือ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน ซึ่งมีสิทธิพิเศษให้ผู้ลงทุนสามารถนำจำนวนเงินลงทุนมาหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งเหมือนกับการลงทุนใน RMF, SSF, SSFX หรือ LTF ที่ออกมาก่อนหน้านี้

นโยบายการลงทุนของ Thai ESG กำหนดให้สามารถลงทุนในหุ้นไทยและตราสารหนี้ไทย ที่ให้ความสำคัญในเรื่องความยั่งยืน ตามหลัก ESG ซึ่งประกอบด้วยมิติด้านสิ่งแวดล้อม (Environmental) สังคม (Social) ​และบรรษัทภิบาล (Governance) อาทิ หุ้นไทยยั่งยืน SET ESG Ratings หรือตราสารหนี้ด้านความยั่งยืน ESG Bond 
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้มีการจัดทำดัชนีหุ้นยั่งยืนที่เรียกว่า SET ESG Ratings สำหรับประเมินผลการดำเนินงานด้าน ESG ของบริษัทจดทะเบียนไทย

ขณะที่ ESG Bond มีรูปแบบคล้ายกับตราสารหนี้ปกติทั่วไป ต่างกันที่วัตถุประสงค์ของการระดมทุนที่ต้องการนำเงินไปใช้เพื่อดำเนินโครงการต่าง ๆ ภายใต้แนวคิดการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมุ่งตอบโจทย์สิ่งแวดล้อม (Green Bond) สังคม (Social Bond) และความยั่งยืน (Sustainability Bond)

 

 

คำถามสำคัญ คือ กองทุน ThaiESG จะช่วยตลาดหุ้นไทยได้แค่ไหน ? 
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส ได้วิเคราะห์กองทุน ThaiESG ออกเป็น 3 ข้อด้วยกัน คึอ

1. ระยะเวลาถือครอง 5 ปี ถือว่าไม่นาน และกระจายตัวซื้อในเวลาไหนของปีก็ได้
จากเดิมกองทุน LTF จะมีระยะเวลาถือครอง 7 ปีปฏิทิน และเม็ดเงินจะซื้อกระจุกตัวในเดือนธันวาคม 
ซึ่งจากสถิติที่ผ่านมา แรงซื้อกว่า 45% มาในเดือนธันวาคม และ 65% มาในเฉพาะไตรมาส 4
ในขณะที่กองทุน ThaiESG จะถูกกระจายตัวซื้อไปตลอดปี และอาจจะช่วยพยุงตลาดได้ดีในช่วงที่หุ้นตกหนัก

2. หนุนกองทุนหันมาลงทุนหุ้นไทยมากขึ้น
ในอดีตที่ผ่านมา หลัง LTF หมดสิทธิในการลดหย่อนภาษี 
นักลงทุนไทยหันไปลงทุนต่างประเทศมากขึ้น จากเดิม 743 กองทุน เพิ่มเป็น 1,174 กองทุน หนุนเม็ดเงินสูงถึง 1 แสนล้านบาท
แต่หลังจาก ThaiESG เข้ามา และหุ้นไทยย่อตัวลงมามาก ฝ่ายวิจัยเชื่อว่าจะช่่วยให้นักลงทุนสลับเงินเข้ามาซื้อหุ้นไทยบ้าง พร้อมแรงจูงใจในเรื่องการประหยัดภาษี


3. คาดเงินเข้าตลาดหุ้นไทย 7 หมื่นล้านบาท หนุนหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปี 
หลายๆครั้ง เรามักจะถกเถียงว่าตอนปิดไตรมาส จะมีการทำ Window Dressing หรือไม่ ? 
Window Dressing คือ ความเชื่อที่ว่านักลงทุนสถาบันจะทำการผลักดันราคาหุ้นในกองทุนที่ตนเองถืออยู่ให้มีราคาสูงขึ้น 
เพราะหากราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้นก็จะส่งผลให้กำไรเพิ่มขึ้นตาม และทำให้ผลการดำเนินงานของกองทุน (NAV) ออกมาดีด้วย

ถ้ากองทุน ThaiESG เข้ามา จะช่วยให้กองทุนกลับมาซื้อหุ้นไทยมากขึ้น
จากต้นปี 2567 ที่ผ่านมา กองทุนไทยซื้อสุทธิหุ้นไทยน้อยมาก เพียง 4.8 พันล้านบาท และมีการถือเงินสดสูงถึง 10% 
การที่กองทุน ThaiESG จะหนุนให้กองทุนทำ Window Dressing มากขึ้น และพลิกกลับมาซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น
ฝ่ายวิจัยเชื่อว่า เม็ดเงินของ ThaiESG จะใกล้เคียงกับ LTF ที่อยู่ราวๆ 6-7 หมื่นล้านบาท
และเม็ดเงินทุกๆ 1 หมื่นล้านบาท จะทำให้ SET Index ขยับขึ้นได้ราวๆ 2%

ฝ่ายวิจัยสรุปว่า ThaiESG ถือเป็น "พระเอก" พลิกเกมหนุนตลาดหุ้นไทยในช่วงที่เหลือของปี 
อย่างไรก็ตามสิ่งที่นักลงทุนต้องติดตาม คือ กองทุน ThaiESG ประเภทตราสารหนี้
ถ้ามีกองทุนประเภทนี้เยอะ ก็อาจจะทำให้เม็ดเงินไหลเข้าตลาดหุ้นไทยไม่สูงเท่าที่ควร


คำถามสุดท้าย กองทุน ThaiESG ถ้าเข้ามาจริงๆ จะทำให้หุ้นไทยบวกได้กี่จุด ? 
จากการศึกษาพบว่า เงินลงทุนใน LTF ทุก 10,000 ล้านบาท จะส่งผลต่อ SET Index 25-27 จุด
เรียกได้ว่ากองทุน ThaiESG เข้ามาได้ถูกจังหวะและเหมาะสมพอดี 
ในช่วงที่หุ้นไทยไม่แพง เหมาะแก่การสะสม ลงทุน และประหยัดภาษีไปด้วยในเวลาเดียวกัน

------------------------------------------------------------------------------
Reference
BT beartai

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

Kept by krungsri

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง