เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า ตลาดหุ้นไทยขาดความเชื่อมั่นอย่างหนัก ทำให้ดัชนีทำจุดต่ำสุดในรอบ 4 ปี 
และสิ่งที่จะเรียกความเชื่อมั่นให้กลับมาได้ คือ กฏ Uptick Rule ที่จะช่วยหยุดแรงขายซ้ำเติมหุ้นไทยให้ลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะนักลงทุนขาดความเชื่อมั่น

คำถาม คือ อะไรคือ Uptick Rule 
มันทำงานอย่างไร และจะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นได้อย่างไร ?

แต่เดิมสิ่งที่ตลาดใช้ เราเรียกว่า Zero-Plus Tick
หุ้น A ราคาหุ้นอยู่ที่ 2 บาท เทรดเดอร์สามารถขายชอร์ตที่ราคา 2 บาทได้ทันที
เป็นแรงกดราคาหุ้นให้ลงอย่างต่อเนื่อง คนซื้อก็ไม่อยากซื้อเพราะเห็นแรงขายมหาศาล 
ยิ่งกดดัชนีให้ลดลง คนเห็นหุ้นลงก็กลับไม่กล้าเข้าไปซื้อ

ถ้าเราเปลี่ยนกฏใหม่ คือ Uptick Rule
ถ้าหุ้น A ราคาหุ้นอยู่ที่ 2 บาท  เทรดเดอร์ "ไม่" สามารถขายชอร์ตที่ราคา 2 บาทได้ทันที
ต้องรอให้ฝั่งขาย (Offer Price) ปรับขึ้นไปที่ 2.02 บาท หรือสูงกว่านั้นถึงจะ Short ได้ 
วิธีนี้ จะทำให้การขายชอร์ตถูกจำกัดให้อยู่ในราคาฝั่งเสนอขายที่สูงกว่าราคาล่าสุด แรงกดราคาหุ้นก็จะลดลง

ซึ่งวิธี Uptick Rule จะส่งผล 2 ประการด้วยกัน คือ
1. ตลาดหุ้นมีเสถียรภาพมากขึ้น
ตลาดจะมีเสถียรภาพในระยะสั้น เนื่องจากโอกาสที่ราคาหุ้นจะถูกกดดันจากการขายชอร์ตจะน้อยลง
2. ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเพิ่มขึ้น
นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น หุ้นหยุดตก นักลงทุนเริ่มเชื่อมั่น จึงเข้าไปซื้อหุ้น 
หุ้นปรับตัวขึ้น นักลงทุนก็เริ่มกลับเข้ามาในตลาด และเชื่อว่าโอกาสที่หุ้นจะตกหนักๆเพราะถูกช๊อตจะลดลงอย่างมาก

สิ่งสำคัญ คือ ความมั่นใจต่อนักลงทุน 
นักลงทุนรายย่อยรู้สึกปลอดภัยมากขึ้น เพราะการขายชอร์ตไม่สามารถทำให้ราคาหุ้นตกลงได้อย่างรวดเร็ว
เมื่อความมั่นใจเริ่มกลับมา นักลงทุนก็จะเริ่มหาจังหวะ หาโอกาสจากหุ้นมากขึ้น 
อีกทั้งกฎใหม่นี้ช่วยลดความเสี่ยงที่ราคาหุ้นจะตกต่ำลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อการถือครองหุ้นในระยะยาว

คำถาม คือ แล้วกฏ Uptick Rule จะใช้เมื่อไร ? 
เมื่อไม่นานมานี้ ทางตลาดหลักทรัพย์ประกาศแล้วว่า กฏ Uptick Rule จะเริ่มใช้ในวันที่ 1 กรกฏาคม 2567 
และสื่อหลายแห่งมองไปในทางเดียวกันว่า จะเป็นตัวพยุง SET Index ได้เป็นอย่างดี และลดการเกิด Short Sell อย่างมีนัยสำคัญ

ครั้งหนึ่ง ตลาดหุ้นไทยเคยมีการใช้ Uptick Rule แล้วในช่วงโควิดปี 2563 
ส่งผลให้มูลค่า Short Sell จากเดิม 3.99 พันล้านบาท (คิดเป็นสัดส่วน 5.97% ของปริมาณการซื้อขาย)
ลดลงเหลือ 850 ล้านบาท (คิดเป็นสัดส่วน 1.23% ของปริมาณการซื้อขาย)
ซึ่งลดลงกว่า 80% ในขณะที่มูลค่าการซื้อขายไม่ได้ลดลงตาม
ดังนั้น กฏ Uptick Rule จะช่วยหุ้นไทยให้หยุดลงแล้ว ยังเป็นตัวเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนไทยอีกด้วย