ครั้งหนึ่ง เคยมีคนกล่าวว่า คนไทยที่ใส่แว่น 10 คน จะมี 7 คนที่ใส่แว่นของ "ท็อปเจริญ"
เป็นการบ่งบอกได้ว่า คนไทยนิยมใส่แว่นตาของ ร้าน "แว่นท็อปเจริญ" และยังบอกถึงความแข็งแกร่งของแบรนด์ว่าเป็นที่รู้จักมากขนาดไหน
แต่น่าเสียดายที่ร้านแว่นท็อปเจริญ ไม่ใช่มหาชน ทำให้นักลงทุนหลายคนอาจจะต้องผิดหวังที่ไม่สามารถเป็นส่วนหนึ่งของแบรนด์ไทยที่แข็งแกร่งได้
แต่คงไม่ใช่แบบนั้นอีกต่อไป เพราะเมื่อไม่นานมานี้ แว่นท็อปเจริญ ได้ประกาศแปรสภาพเป็น "มหาชน" พร้อมให้นักลงทุนได้มาเป็นส่วนหนึ่งของร้านแว่นท็อปเจริญ ในอีกไม่นานแล้ว
"แว่นท็อปเจริญ" หรือ บริษัท ร่วมเจริญพัฒนา จำกัด (มหาชน)ประกาศเตรียมปูพรมขยายสาขาไปยังภูมิภาคอาเซียนในปี 2567 นี้ จากปัจจุบันมีสาขาจำนวน 2,130 สาขา มากที่สุดในไทยและอาเซียน ครองส่วนแบ่งตลาดธุรกิจร้านแว่นตาในไทยถึงกว่า 41% พร้อมดำเนินการแปรสภาพเป็นบริษัท “มหาชน” เพื่อขยายโอกาสสร้างการเติบโตในฐานะผู้นำธุรกิจร้านแว่นตาของไทย
จุดเริ่มต้นของ "แว่นท็อปเจริญ" มาจากการก่อตั้งของคุณเจริญ ตรีพรชัยศักดิ์ โดยเปิดรถขายแว่นตาที่จังหวัดสระบุรี โดยขับตระเวณไปทั่งพื้นที่เพื่อให้บริการตรวจวัดสายตาและตัดแว่นถึงบ้าน โดยใช้ชื่อร้านเล็กๆของตัวเองว่า "เจริญการแว่น"
ต่อมรคุณนพศักดิ์ ตรีพรชัยศักดิ์ ลูกชายของคุณเจริญ เข้ามารับช่วงต่อ เริ่มเปิดเป็นร้านค้าปรับรูปโฉมใหม่ของเจริญการแว่น พร้อมเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น "แว่นท็อปเจริญ" อย่างในปัจจุบัน
คุณนพศักดิ์ ให้เหตุผลว่า การเปลี่ยนชื่อร้านมาเป็นแว่นท็อปเจริญ มาจากการที่ชื่อ "เจริญการแว่น" ไม่มีการจดลิขสิทธิ์
ใครนำไปใช้ก็ได้ จึงเปลี่ยนชื่อใหม่เพื่อขอจดลิขสิทธิ์
ส่วนที่มาของชื่อ "ท็อปเจริญ" มาจาก 2 คำคือคำว่า เจริญ ที่เป็นชื่อของคุณพ่อ
แล้วก็ "ท๊อป" มาจากความตั้งใจที่อยากทำ อยากให้บริการให้ดีที่สุด
นอกจากการเปลี่ยนชื่อร้านแว่นตา ให้เป็นที่จดจำมากขึ้นแล้วนั้น
ยังมีการพัฒนาร้านให้ทันสมัยขึ้น ผ่านการนำเทคโนโลยีด้านการตรวจวัดสายตามาใช้
ขณะที่กลยุทธ์การขยายสาขาของร้านใช้รูปแบบป่าล้อมเมือง คือ เริ่มจากขยายสาขาในพื้นที่ต่างจังหวัดก่อน
แล้วค่อยขยายเข้าสู่พื้นที่กรุงเทพมหานคร จนปัจจุบัน มีสาขารวมกันมากถึง 2,130 สาขา และอยู่คู่กับคนไทยมาอย่างยาวนานถึง 77 ปี
คุณนพศักดิ์ ยังกล่าวต่ออีกด้วยว่าแว่นท็อปเจริญ มีเป้าหมายในการเป็นผู้นำธุรกิจร้านแว่นตาแบบครบวงจรในภูมิภาคอาเซียน โดยวางแผนขยายสาขาไปในต่างประเทศ เช่น เวียดนาม สปป.ลาว กัมพูชา และมาเลเซีย
โดยยังคงจุดเด่นด้านคุณภาพเหนือระดับ ราคาที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคทุกกลุ่ม และบริการที่สร้างความประทับใจ ผ่านความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยี AI รวมไปถึงโปรแกรมตรวจวัดสายตาเฉพาะบุคคลที่ละเอียดแม่นยำ (AxQ20) โดยเฉพาะผู้ใช้แว่นตาโปรเกรสซีฟ
นอกจากนี้ บริษัทยังพัฒนาสาขาให้บริการในรูปแบบ Flagship Store ขนาดใหญ่ในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ
เพื่อมอบประสบการณ์การมองเห็นแบบลักชัวรี่ให้ลูกค้า
ภายใต้วิสัยทัศน์ "ผู้นำการบริการด้านสายตาที่เชี่ยวชาญครบวงจร พร้อมให้การดูแลที่ดีที่สุดสำหรับทุกคนในอาเซียน"
- สรุปปัญหาของ SABUY ความเชื่อมั่นเปลี่ยน ราคาหุ้นเปลี่ยน
- รู้จัก "CFARM" ชูวิทย์ฟาร์ม เลี้ยงไก่อย่างไรไม่ให้ผันผวนตามราคาไก่
- สรุป BAM ตั้ง JV ร่วมธนาคารออมสิน ถึงเป็น Growth Story ให้ BAM อย่างมาก
ถ้าเราไปดูผลประกอบการของบริษัท ร่วมเจริญพัฒนา จำกัด
ปี 2562 บริษัทมีรายได้ 5.04 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 134 ล้านบาท
ปี 2563 บริษัทมีรายได้ 4.43 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 133 ล้านบาท
ปี 2564 บริษัทมีรายได้ 4.27 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 284 ล้านบาท
ปี 2565 บริษัทมีรายได้ 5.14 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 626 ล้านบาท
ปี 2566 บริษัทมีรายได้ 5.78 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 281 ล้านบาท
ในอดีตที่ผ่านมาการทำธุรกิจของแว่นท็อปเจริญ ผ่านการเดินทางมาอย่างยาวนาน
เช่น มีการเปิดร้านแว่นตาแบรนด์ใหม่ในชื่อว่า "แว่นบิวตี้ฟูล" ขึ้นมาอีกหนึ่งแบรนด์ และจดทะเบียนเป็นบริษัทใหม่ออกใหม่
เพราะคุณนพศักดิ์ คิดว่า ทุกอย่างต้องมีคู่ มีที่หนึ่ง มีที่สอง เพราะหากไม่ปั้นแบรนด์ใหม่มาสู้กันเอง ก็อาจมีคู่แข่งรายอื่นมาสู้อยู่ดี
โดยตั้งเป้าไว้ว่า ร้านแว่นท็อปเจริญ เจาะกลุ่มตลาดกลุ่มกลุ่มอายุ
ในขณะที่ร้านแว่นบิวตี้ฟูล เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นวัยรุ่น
แต่สุดท้าย ร้านแว่นบิวตี้ฟูล ได้ปิดตัวลงเมื่อปี 2556 และเปลี่ยนชื่อร้านใหม่มาเป็นแว่นท็อปเจริญ เพียงแบรนด์เดียว
นอกจากการสร้างแบรนด์ร้านแว่นตาแล้ว แว่นท็อปเจริญ คุณนพศักิด์ ยังได้เปิด "โรงเรียนวิชาการแว่นตาไทย"
เพื่อพัฒนาบุคลากรด้านสายตาอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การควบคุมดูแลโดยจักษุแพทย์ นักทัศนมาตร (หมอสายตา) และผู้เชี่ยวชาญด้านสายตาระดับมืออาชีพ
และยังก่อตั้ง ศูนย์รักษาตาท็อปเจริญ (Top Charoen Eye Center)
เพื่อให้บริการด้านสายตาที่ครบวงจรมากยิ่งขึ้น และรองรับความต้องการของผู้ที่มีปัญหาด้านสายตาที่ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยการสวมแว่น ตั้งแต่โปรแกรมการตรวจสุขภาพตาแบบเจาะลึก ตรวจรักษาโรคตาทั่วไป โรคต้อทุกชนิด โรคเบาหวานขึ้นตา ผ่าตัด-เลเซอร์ทางตา เลสิค แก้ไขปัญหาสายตาผิดปกติ ตรวจรักษาโรคตาในเด็กเล็ก ตรวจรักษาพร้อมวิเคราะห์ผลและให้คำปรึกษาเพื่อประกอบแว่นและคอนแทคเลนส์
เรียกได้ว่าจากร้านแว่นเล็กๆผ่านการเดินทางมาอย่างยาวนานอยู่คู่กับสังคมไทยอย่างแข็งแกร่ง
ถือเป็นอีกก้าวที่ยิ่งใหญ่ในการเปลี่ยนเป็นบริษัทมหาชน เพื่อการเติบโตรอบใหม่ ถือเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่นักลงทุนไทยไม่ควรมองข้ามครับ
------------------------------------------------------------------------------
Reference
Thairath Money