ณ เวลานี้ หุ้นที่นักลงทุนให้ความสนใจเป็นพิเศษ น่าจะเป็นหุ้น SABUY หรือ บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)
ซึ่งถ้าใครติดตามราคาหุ้นย้อนหลังจะพบว่าปรับตัวลงมามาก
โดย -78% ใน 6 เดือนที่ผ่านมา และลงลึกถึง -90% ภายในระยะเวลา 12 เดือน
เลยทำให้เกิดข้อสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับ SABUY มีปัญหาอะไรที่นักลงทุนกังวล
วันนี้อยากจะเล่าให้ฟังได้เข้าใจกันแบบนี้ครับ
หุ้น SABUY เป็นหุ้นที่นักลงทุนให้การชื่นชอบอย่างมาก
เพราะธุรกิจของบริษัทมีความ "ล้ำสมัย" และแผนของธุรกิจที่ชัดเจน ว่าจะรุกใน 6 ภาคส่วนด้วยกัน คือ
1.Payments and Wallet
2.Enterprise & Life
3.Connext
4.Financial Inclusion
5.InnoTainment
6.Venture
แล้วผลประกอบการก็เติบโตอย่างมาก จากบริษัทมีกำไรสุทธิ 102 ล้านบาท ในปี 2563 พุ่วขึ้นมาถึง 1.48 พันล้านบาทในปี 2565
สอดคล้องกับราคาหุ้นที่แตะระดับสูงสุดถึง 24.7 บาทในปี 2564

ราคาหุ้น SABUY ในช่วง 6 เดือนที่ผานมา ปรับตัวลดลงกว่า -78%
https://www.tradingview.com/symbols/SET-SABUY/
ทุกอย่างของ SABUY กำลังไปได้สวย นักลงทุนมีความเชื่อมั่น แต่ SABUY กลับมีประเด็นข่าวเรื่องของการขายหุ้นของผู้ถือหุ้นใหญ่ อย่าง คุณชูเกียรติ รุจนพรพจี ผู้ปลุกปั้น SABUY มาตั้งแต่เริ่ม ทำให้นักลงทุนเสียความเชื่อมั่นไป
คุณชูเกียรติ ยังขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง และตัดสินใจลาออกจากทุกตำแหน่งในบริษัท ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้หุ้น SABUY ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง
แต่แล้ว SABUY ก็มีการประกาศเรื่องของการเพิ่มทุน 2,510 ล้านบาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 4,571,370,366 บาท โดยเพิ่มทุนให้กับกลุ่มทุนใหม่ คือ คุณชัชวาลย์ เจียรวนนท์ ในราคาหุ้นละ 2.30 บาท
ซึ่งการที่คุณชัชวาลย์เข้ามาเพิ่มทุน ทำให้คลายกังวลไปได้ระดับหนึ่ง และนักลงทุนคิดว่า SABUY จะมีกลุ่มทุนใหม่เข้ามา บริษัทน่าจะยังไปต่อได้
แต่ยิ่งนานวันเข้า ราคาหุ้นของ SABUY ก็ยังลดลง ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
สาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นยังร่วงอยู่ต่อไป น่าจะมาจาก 2 สาเหตุด้วยกัน คือ
1. ปัญหาเรื่องของการเเพิ่มทุน
ถ้าดูแบบผิวเผิน จะพบว่ากระแสเรื่องการเพิ่มทุนดูเงียบหายไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ยิ่งนานวันเข้า นักลงทุนก็ยิ่งหมดความเชื่อมั่น และอาจจะเชื่อว่า "ทำไม่ได้จริง"
ในขณะที่ราคาตลาดอยู่ที่ 1.12 บาทต่อหุ้น แต่ราคาเพิ่มทุนอยู๋ที่ 2.30 บาทต่อหุ้น ก็อาจจะต้องคิดหนักแล้วว่าใครจะยอมเพิ่มในราคาที่สูงกว่ากระดานจริงๆ
และถ้าการเพิ่มทุนเกิดไม่ได้ เงินที่จะเอามาใช้หนี้เงินกู้ สถบันการเงิน หรือหนี้หุ้นกู้ ก็จะทำไม่ได้อย่างแน่นอน
เป็นปัจจัยกดดันหุ้นอยู่ต่อไป
- สรุป BAM ตั้ง JV ร่วมธนาคารออมสิน ถึงเป็น Growth Story ให้ BAM อย่างมาก
- M ปรับตัวอย่างไร ? ในวันที่ "สุกี้" อย่างเดียวไม่เพียงพอ
- ทำไมหุ้นที่จ่ายปันผลสูง อาจจะไม่ได้น่าลงทุนเสมอไป ?
2. การที่ผู้สอบบัญชีมีข้อสังเกตที่ไม่แน่อนต่องบการเงินของ SABUY ประจำ 1Q67
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ได้ขอให้บริษัท SABUY ชี้แจงข้อมูลในงบการเงินไตรมาส 1/67 เนื่องจากผู้สอบบัญชีมีข้อสังเกตถึงความไม่แน่นอน ที่มีสาระสำคัญเกี่ยวกับความสามารถในการดำเนินงานต่อเนื่อง
ซึ่งประเด็นนี้เองทำให้นักลงทุน "ไม่แน่ใจ" ต่อเรื่องของการดำเนินงานในธุรกิจของบริษัท
อีกทั้งถ้าไปดูผลประกอบการ 1Q67 จะพบว่า SABUY มีขาดทุนสุทธิหนักถึง 1.96 พันล้านบาท เพียงแค่ไตรมาสเดียว
ทำให้เกิดความสงสัยว่าแล้วผลประกอบการครั้งถัดไปของ SABUY จะออกมาเป็นอย่างไรต่อไป
จะขาดทุนหนักขนาดนี้อีกไหม ยังคงเป็นคำถามอยู่ต่อไป
เมื่อวานที่ผ่านมา ตลท. ขอให้ บมจ. สบาย เทคโนโลยี (SABUY) ชี้แจงข้อมูลในงบการเงินไตรมาส 1 ปี 2567 เนื่องจากผู้สอบบัญชีมีข้อสังเกตถึงความไม่แน่นอนที่มีสาระสำคัญเกี่ยวกับความสามารถในการดำเนินงานต่อเนื่อง โดย SABUY ขาดทุน 1,961ล้านบาท มีหนี้สินหมุนเวียนสูงกว่าสินทรัพย์หมุนเวียน และขาดทุนสะสม 3,084 ล้านบาท และมีข้อสังเกตกรณีมีข้อบ่งชี้ว่ากลุ่ม SABUY สูญเสียอำนาจควบคุมใน บมจ. สบาย คอนเน็กซ์ เทค (SBNEXT)
ทั้งนี้ SABUY ได้ตั้งด้อยค่าความนิยมและสินทรัพย์ไม่มีตัวตนอื่น รวมทั้งเงินให้กู้ยืมแก่ SBNEXT ทั้งจำนวนรวม 1,464 ลบ. อีกทั้งบริษัทมีผลขาดทุนจากการขายเงินลงทุนใน บจก. ดับเบิ้ลเซเว่น (DOU7) 996 ล้านบาท
พร้อมทั้งให้ SBNEXT ชี้แจงข้อมูลในงบการเงินไตรมาส 1/67 ซึ่งผู้สอบบัญชีไม่ให้ข้อสรุปต่องบการเงิน เนื่องจากมีความไม่แน่นอนที่มีสาระสำคัญของการดำเนินงานต่อเนื่อง โดย SBNEXT ขาดทุนสุทธิ 93 ล้านบาท มีหนี้สินหมุนเวียนสูงกว่าสินทรัพย์หมุนเวียน และมีขาดทุนสะสม บริษัทผิดเงื่อนไขสัญญาเงินกู้ยืมทำให้สถาบันการเงินและผู้ให้กู้มีสิทธิเรียกชำระคืนทันที รวมทั้งมีข้อบ่งชี้ว่ากลุ่มบริษัทอาจไม่ได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจาก SABUY ผู้ถือหุ้นใหญ่ 24.92% สินทรัพย์ที่ไม่มีภาระผูกพันมีจำกัดซึ่งอาจมีผลต่อการหาแหล่งเงินทุนเพิ่มเติม
เรื่องราวของ SABUY ทั้งหมดกำลังไปได้สวย
แต่จุดเปลี่ยน คือ การขายหุ้นของผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ทำให้ความเชื่อมั่นของหุ้นเปลี่ยนไป
นักลงทุนเริ่มตั้งข้อสงสัยในตัวหุ้นมากขึ้น คนที่มีอยู่ก็อยากจะเทขาย คนที่อยากซื้อก็ต้องรอความชัดเจนกันต่อ
เลยเป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาหุ้นร่วงอย่างหนัก เมื่อหุ้นยิ่งตก นักลงทุนก็ยิ่งไม่กล้าซื้อ
ถือเป็นกรณ๊ศึกษาชัดเจนเลยว่า "ราคาหุ้น" เปรียบเสมือนความเชื่อมั่นในตัวหุ้น
ถ้าความเชื่อมั่นลดลง คนก็พร้อมจะเทขายหุ้นทุกราคา
------------------------------------------------------------------------------
Reference
สรุปข้อสนเทศบริษัทจดทะเบียน : บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน)