ช่วงนี้เป็นช่วงของเทศกาลที่นักลงทุนได้รับเงินปันผล
และเวลาเราพูดถึงเรื่อง "หุ้นปันผล"
สิ่งที่นักลงทุนจะคิดเป็นสิ่งแรกๆ คือ หุ้นตัวนี้จ่ายปันผล "มากแค่ไหน" ?
โดยมักจะเทียบกับราคาหุ้น
เช่น เมื่อเทียบหุ้น XYZ กับเงินปันผลที่จะได้แล้ว คิดเป็น 4% เราก็มักจะสรุปว่าหุ้นตัวนี้จ่ายปันผลกลางๆ พอรับได้
แต่ถ้าหุ้นตัวไหนจ่ายปันผล 7-8% เมื่อเทียบกับราคาหุ้น เราก็มักจะตีความว่าเป็นหุ้นที่ดีและจ่ายเงินปันผลให้เราสูง
พูดง่ายๆ คือ เหมาะสมแก่การซื้อ ถือ และรับเงินปันผล
แต่สิ่งหนึ่งที่เรามักไม่ค่อยพูดถึงเลย คือ กิจการที่สามารถจ่ายปันผลได้ คือธุรกิจต้องมีกำไร
เมื่อธุรกิจมีกำไร บริษัทก็สามารถเลือกที่จะ "จ่ายปันผล" ตอบแทนผู้ถือหุ้น
หรือ เก็บกำไรนั้นไว้เพื่อรักษาสภาพคล่อง ขยายการลงทุนเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนมากขึ้น
ประเด็นคือ เมื่อริษัทเลือกที่จะจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้น จะมี 3 ประเด็นที่เราต้องคิดต่อไป คือ
ประเด็นแรก : บางกิจการอยู่ในช่วงของการเติบโต (Growth phase)
การนำเงินไปต่อยอดอาจจะได้ผลตอบแทนที่มากกว่าเลือกที่จะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น
ถ้าบริษัทมีรายได้และกำไรที่เติบโตขึ้น ก็ถือว่าเป็นกิจการที่ดี มีอนาคต
ดังนั้นการไม่จ่ายปันผลก็ไม่ได้เลวร้ายซะทีเดียว จัดว่าเป็นหุ้นที่น่าลงทุนด้วยเหมือนกัน เพราะมูลค่าของกิจการเพิ่มสูงขึ้น
ประเด็นที่สอง : บางกิจการเติบโตเต็มที่แล้ว เป็นบริษัทขนาดใหญ่มีความแข็งแกร่ง ก็อาจจะจ่ายปันผลสูงๆได้
หุ้นแบบนี้เรียกว่า "หุ้นห่านทองคำ"
หรือบางคนอาจจะเรียกว่า Cash Cow เปรียบเหมือนแม่วัวที่รีดนมได้เรื่อยๆ
แบบนี้ก็ตอบโจทย์นักลงทุนที่ต้องการเงินปันผลได้เป็นอย่างดี
แถมยังได้ความแข็งแกร่งของกิจการด้วย หุ้นจ่ายปันผลสูงแบบนี้ก็น่าลงทุน
ประเด็นที่สาม คือประเด็นที่สำคัญที่สุด และเราอาจจะสรุปได้ว่าหุ้นจ่ายเงินปันผลสูงๆ อาจจะไม่ได้น่าลงทุนเสมอไป
บางกิจการอยู่ในธุรกิจที่โตช้า หรือไม่โตอีกแล้ว แต่กิจการยังไปได้เรื่อยๆ มีกำไรทุกปี กำไรเท่าไรก็จ่ายปันผลหมด
แบบนี้เรียกว่าไม่น่าลงทุน
เพราะในระยะยาว รายได้และกำไรจะลดลงเรื่อยๆ เมื่อกำไรลดลงบริษัทก็จะจ่ายปันผลได้น้อยลง
จะเห็นได้ว่าหุ้นที่จ่ายปันผลมากๆ ก็อาจจะไม่ได้ดีเสมอไป และ ไม่ได้เป็นตัวแปรหนึ่งเดียวในการตัดสินใจลงทุนหรือไม่ลงทุน
แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดของกิจการคือ กำไร และ อนาคตของกิจการ
อย่าลืมว่า หากกิจการสามารถเอาเงินที่จะจ่ายปันผลไปลงทุนขยายกิจการ แล้วทำให้กิจการเติบโตขึ้น รายได้เพิ่ม กำไรเพิ่ม
เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้นั้น ที่สุดแล้วราคาหุ้นก็จะเพิ่มขึ้น
โดยสรุปแล้ว การเลือกหุ้นเพื่อการลงทุนจะดูแต่ปันผลอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูต่อไปอีกว่า
1. มีรายได้เพิ่ม มีกำไรเพิ่ม เติบโตอย่างต่อเนื่องหรือไม่?
2. มีการนำเงินไปลงทุน ขยายกิจการหรือไม่ ดีแค่ไหน อย่างไร?
3. สำรวจกิจการเชิงคุณภาพ ทั้งผู้บริหาร ทั้งแนวโน้มความต้องการในสินค้าและบริการ ทั้งความได้เปรียบในการแข่งขัน มีดีแค่ไหน?
4. สำรวจกิจการเชิงปริมาณ โดยติดตามดูงบการเงินในทุกไตรมาส เพื่อตรวจสอบว่ายังเป็นกิจการที่ดีจริงๆ หรือไม่?
นี่เป็นส่วนหนึ่งของคำถามที่ต้องถามตัวเองก่อนลงทุน
ซึ่งหากเราพบธุรกิจที่ดี เป็น Good Stock และนำมาวัดมูลค่าหุ้นเข้าลงทุนที่ Good Price นั่นคือการลงทุนที่ดีครับ