เมื่อไม่นานมานี้ ตลาดหลักทรัพย์ได้ประกาศ ลุยยกระดับมาตรการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียน ปรับปรุงเกณฑ์เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของบริษัทจดทะเบียนต้องไม่มีลักษณะเป็น Investment Company เริ่มวันที่ 1 กรกฎาคม 2567
โดยได้เพิ่มการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียน ปรับปรุงเกณฑ์เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของบริษัทจดทะเบียนที่ต้องไม่มีลักษณะเป็น Investment Company ให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ในประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุน โดยเพิ่มความเข้มงวดและประสิทธิภาพในการกำกับดูแล ตลอดจนคุ้มครองประโยชน์ของผู้ลงทุน ซึ่งจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป
และยังปรับปรุงเกณฑ์เกี่ยวกับการประกอบธุรกิจของบริษัทจดทะเบียนที่ต้องไม่มีลักษณะเป็นการบริหารจัดการเงินลงทุน (Investment Company) ตั้งแต่การรับบริษัทที่จะเข้าจดทะเบียน จนถึงการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียน ให้มีความสอดคล้องกันกับหลักเกณฑ์ของสำนักงาน ก.ล.ต. โดยกำหนดให้บริษัทที่ยื่นคำขอเข้าจดทะเบียน และบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ใน SET และ mai ต้องไม่มีการดำเนินงานในลักษณะที่เป็น Investment Company
หากบริษัทจดทะเบียนมีลักษณะการดำเนินงานดังกล่าว ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะขึ้นเครื่องหมาย CC (Non-Compliance) เพื่อเตือนให้ผู้ลงทุนเพิ่มความระมัดระวังในการซื้อขายหลักทรัพย์จดทะเบียนของบริษัทดังกล่าว และหากบริษัทจดทะเบียนนั้นไม่สามารถแก้ไขลักษณะดังกล่าวได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะขึ้นเครื่องหมาย SP (Trading Suspension) ตามระยะเวลาที่กำหนด และอาจพิจารณาเพิกถอนหลักทรัพย์จดทะเบียน ตามลำดับ ซึ่งการกำหนดมาตรการดังกล่าวเป็นการเพิ่มความเข้มงวดและประสิทธิภาพในการกำกับดูแลบริษัทจดทะเบียน ตลอดจนเพื่อคุ้มครองประโยชน์ของผู้ลงทุน ตามแผนกลยุทธ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้านยกระดับความเชื่อมั่นตลาดทุน
ทั้งนี้ เกณฑ์ดังกล่าวได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้อง และได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ ก.ล.ต. แล้ว โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป
- เข้าใจ EBITDA ให้มากขึ้น สรุปแล้วตัวเลขนี้ใช้งานอย่างไร ?
- ส่องกลยุทธ์ KCG กับแนวคิด “Fusion กินnovation” ก้าวสำคัญสู่ผู้นำด้านนวัตกรรมอาหาร
- รู้จัก 2 กฏเกณฑ์ใหม่ลดความผันผวนหุ้นไทย นักลงทุนกำลังมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
อ่านมาถึงตรงนี้ เราอาจจะสงสัยว่าแล้วในปัจจุบันนี้มีหุ้นอะไรบ้างที่เป็น Investment Company ของไทย
คำตอบ คือ ณ เวลานี้ยังไม่มี
แล้วอย่างหุ้นที่ถือหุ้นตัวอื่นๆ เช่น INTUCH, PTT, JMART ละ ?
หุ้นบริษัทเหล่านี้ เราเรียกกันว่า Holding Company
ซึ่ง Holding Company จะไม่ใช่ Investment Company และมีความแตกต่างกันพอสมควร
สิ่งที่เห็นได้ชัด คือ
1. รายได้ของบริษัท
Holding Company จะมีรายได้หลักมาจากการทำธุรกิจของบริษัทที่ตัวเองเข้าไปถือครองในรูปแบบส่วนแบ่งกำไร หรือเงินปันผล คาดหวังการมีส่วนร่วมและเติบโตพร้อมกับบริษัทลูกในระยะยาว
ในขณะที่ Investment Company จะนำเงินของบริษัทไปสร้างผลตอบแทนในสินทรัพย์ต่างๆตามที่ระบุเอาไว้ และคาดหวังผลตอบแทนในรูปแบบทางการลงทุน เช่น ส่วนต่างราคาหุ้น ดอกเบี้ย เงินปันผล และพร้อมขายได้ทุกเมื่อ
2. การมีส่วนร่วม
Holding Company จะเข้าไปมีส่วนร่วมกับบริษัท หรือมีอิทธิพลมากพอในการกำหนดทิศทางของบริษัทลูกๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านการประกอบธุรกิจ หรือด้านการเงิน
ในขณะที่ Investment Company จะไม่มีส่วนร่วมในการบริหาร และไม่มีความตั้งใจจะเข้าไปจัดการ เพราะคาดหวังเพียงผลตอบแทนจากการลงทุนเท่านั้น
และจะนำไปสู่ข้อที่ 3 คือ
3. การถือครองสัดส่วน
Holding Company จะเน้นถือหุ้นด้วยสัดส่วนที่สูง เช่นมากกว่า 20% หรือ 50% จนกลายเป็นบริษัทร่วม หรือบริษัทในเครือไปเลยก็มีให้เห็น
ในขณะที่ Investment Company จะเน้นถือครองสัดส่วนไม่มาก ตามนโยบายการลงทุนและต้องรักษาสภาพคล่องทางด้านการเงินเอาไว้
------------------------------------------------------------------------------
Reference
THE STANDARD WEALTH