หุ้นที่นักลงทุนกำลังพูดถึงกันมากที่สุด คงหนี้ไม่พ้น หุ้น NEX หรือ บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายรถบัสไฟฟ้า
แต่เราเคยสงสัยไหมว่า ก่อนหน้านั้น NEX ทำธุรกิจอะไรมาก่อน
แล้วทำไมอยู่ดีๆ บริษัทถึงหันมาให้ความสนใจในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า
วันนี้จะมาเล่าให้ฟัง ครับ
หุ้น NEX หรือ บริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) ทำธุรกิจ ผลิตและรับจ้างผลิตชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ตามคำสั่งซื้อของลูกค้า
และ ให้เช่ารถบัสโดยสาร ซ่อมบำรุง จำหน่ายอะไหล่รถบัส
แต่เดิม NEX มีชื่อเดิม คือ SPPT หรือ บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท จำกัด (มหาชน) ทำธุรกิจผลิตชิ้นส่วนฮาร์ดดิส
ที่ธุรกิจจะเป็นตะวันตกดินไปเรื่อยๆ เพราะเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงไป คนหันไปใช้ SSD มากขึ้น
หรือแม้แต่การเข้ามาของ Cloud Computing ทำให้ธุรกิจประเภท Hardisk Storage ได้รับความนิยมน้อยลงเรื่อยๆ
แต่ใช่ว่า SPPT จะหยุดอยู่กับที่ เพราะบริษัทเองก็รู้ถึงปัญหาในธุรกิจฮาร์ดดิส จึงพยายามเปลี่ยนตัวเองไปรุกธุรกิจใหม่
เช่น ธุรกิจแปรรูปขยะพลาสติก หรือธุรกิจประเภทรับจ้างผลิตชิ้นส่วนในกลุ่มคอนซูเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์ ตัวอย่างเช่น กล้องถ่ายรูป กล้องถ่ายวิดีโอ เอ็มพี 3 เครื่องเล่นเกมส์ แต่ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จมากนัก
สุดท้ายผลประกอบการของ SPPT ก็ขาดทุน และไม่มีทีท่าว่าจะพลิกกลับมา Turnaround ได้ถึงแม้จะพยายามแค่ไหนก็ตาม
ในปี 2563 SPPT ได้มีกระแสข่าวเรื่องของการเข้ามาเทคโอเวอร์ของกลุ่มทุนใหญ่ คือ EA หรือบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด(มหาชน)
เข้ามาซื้อกิจการ โดยให้ บริษัท อีเอ โมบิลิตี โฮลดิง จำกัด เข้าถือหุ้นในอัตราส่วน 40.013% (ปัจจุบันอยู่ที่ 33.14%)
EA ตั้งเป้าหมายไว้ว่า NEX จะเป็นหัวหอกในการรุกธุรกิจ "รถบัสไฟฟ้า"
จึงไม่แปลกที่นักลงทุนมักจะได้ยินข่าวของ NEX เกี่ยวกับการส่งมอบรถโดยสารไฟฟ้าอยู่ตลอด
ช่วงเวลาทองของหุ้น NEX อยู่ในช่วงปี 2565
คือราคาหุ้นพุ่งจาก 1.7 บาท ในปี 2563 มาแตะระดับสูงสุดที่ 23 บาท ในปี 2565
สาเหตุเพราะ NEX ถือเป็นหุ้นที่อยู่ในธีมรถไฟฟ้าที่เป็นกระแสดังมากในช่วงนั้น
ไม่ว่าจะเป็นหุ้น Tesla ของทางฝั่งอเมริกา หรือหุ้น BYD ของตลาดหุ้นทางฝั่งฮ่องกงที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง
หุ้น NEX เลยได้รับอานิสงค์ตามตลาดที่นักลงทุนให้ความสนใจในหุ้นรถยนต์ไฟฟ้าไปด้วย

ราคาหุ้น NEX ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา ลดลงไปแล้วกว่า -63%
https://www.tradingview.com/symbols/SET-NEX/
ราคาหุ้นที่ขึ้นมา ก็สอดคล้องกับผลประกอบการของ NEX ที่ออกมาดูดีอย่างต่อเนื่อง
ในปี 2564 บริษัทมีรายได้ 688 ล้านบาท และขาดทุนสุทธิ 106 ล้านบาท
ในปี 2565 บริษัทมีรายได้ 6.61 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 208 ล้านบาท
ในปี 2566 บริษัทมีรายได้ 9.41 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 725 ล้านบาท
เรียกได้ว่าผลประกอบการดูดีมีการเติบโต
- รู้จัก CENTEL หุ้นธุรกิจโรงแรม ที่รายได้กว่าครึ่งมาจากธุรกิจอาหาร
- รู้จัก NSL เบเกอรี่ 8 พันล้าน ที่ต่างชาติยกเป็นแซนวิชที่อร่อยที่สุดจนเป็นไวรัล
- รู้จักดัชนี CSI300 Index ลงทุนหุ้นจีน 300 ตัวพร้อมกันได้ในตัวเดียว
จนกระทั่งวันที่ 15 พฤษภาคม 2567 ราคาหุ้น NEX ก็ร่วงติดฟลอร์
ซึ่งถ้าเราดูราคาหุ้น 3 วันย้อนหลัง จะพบว่าราคาหุ้นลดลงไปแล้วกว่า -54% จาก 8.75 บาท มาอยู่ที่ 4.10 บาท ณ ระดับราคาปัจจุบัน
จนตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ออกหนังสือขอให้ผู้ลงทุนพิจารณาข้อมูลทั้งด้านการซื้อขาย และสารสนเทศของ NEX อย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจซื้อขาย
สื่อหลายแห่ง มองว่า ธุรกิจของ NEX มีความท้าทาย
ไตรมาส 1/2567 บริษัทได้ส่งมอบรถไปแล้ว 591 คัน เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/66 ที่ 563 คัน
และตั้งเป้าปีนี้คาดว่าจะส่งมอบรถไฟฟ้าได้ 5,000 คัน แต่ในไตรมาสแรกทำได้แค่ 591 คัน
ซึ่งนักลงทุนมองว่า อาจจะเป็นไปได้ยากที่จะทำให้ถึงเป้าหมาย เพราะ การแข่งขันรถยนต์ไฟฟ้าค่อนข้างแรง
หลังจากที่มีแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้าจีนข้ามาตีตลาดค่อนข้างมาก ทำให้ภาพตลาดของหุ้น NEX เป็น Sentiment เชิงลบ
อย่างไรก็ตาม ไตรมาส 1/67 หุ้น NEX ผลการดำเนินงานบริษัทฯ มีรายได้รวม 2,509 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิที่ 49.3 ล้านบาท
บริษัทฯ มีการส่งมอบรถไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ ไปกว่า 591 คัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 563 คัน แบ่งเป็น รถเมล์ไฟฟ้า ขนาด 11 เมตร จำนวน 94 คัน รถหัวลากไฟฟ้าจำนวน 171 คัน รถเมล์ ขนาด 8 เมตร จำนวน 230 และรถรุ่นอื่นๆ กว่า 96 คัน
ล่าสุด NEX ได้ส่งหนังสือแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ว่า ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงอย่างมาก "บริษัทไม่มีพัฒนาการใดๆ"
ต่อจากนี้นักลงทุนก็ต้องตามดูกันต่อไปว่า จะเป็นอย่างไรต่อไป มีอะไรสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นได้มากขนาดนั้น ...
------------------------------------------------------------------------------
Reference
สำนักข่าวอินโฟเควสท์