#ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐาน
#ข่าวหุ้นธุรกิจการลงทุน

รู้จัก NSL เบเกอรี่ 8 พันล้าน ที่ต่างชาติยกเป็นแซนวิชที่อร่อยที่สุดจนเป็นไวรัล

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
2,831 views

ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา มีชาวต่างชาติเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก 
สิ่งหนึ่งที่เป็นที่แปลกตาสำหรับชาวต่างชาติอย่างมาก คือ ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven ที่เต็มไปด้วยของกินและมีความทันสมัย
โดยเฉพาะ "แซนวิชอบร้อน" ใน 7-Eleven ที่มีชาวต่างชาติจำนวนมากต่างยกย่องว่าเป็นแซนวิชที่อร่อยที่สุด กินทุกวัน และหากินได้ง่ายมากในประเทศไทย
ถึงขนาดเป็นไวรัลใน TikTok อยู่ช่วงหนึ่งเลยทีเดียว

เรารู้หรือไม่ว่า เวลาเราพูดถึงแซนวิชเซเว่น ผลิตภัณฑ์นี้เป็นของใคร และบริษัทนี้มีที่มาที่ไปเป็นอย่างไร ?
อยากจะเล่าให้ฟังแบบนี้ครับ
แซนวิชเซเว่น เป็นผลิตภัณฑ์ของ บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จํากัด (มหาชน) หรือ NSL
ทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าเบเกอรี่ อาหารรองท้อง และขนมขบเคี้ยว รวมทั้งนำเข้าและจำหน่ายเนื้อสัตว์และผักแช่แข็ง

 

แต่เดิมบริษัทแห่งนี้ ไม่ได้ใช้ชื่อ เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) แต่ใช้ชื่อว่า บริษัท โดเมคเกอร์ จำกัด ซึ่งเกิดจากคุณสมชาย อัศวปิยานนท์ 
ที่มีความเชี่ยวชาญอย่างมากในอุตสาหกรรมอาหารมานานกว่า 20 ปี 
ซึ่งคุณสมชาย ฝันว่าอยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจ โดยเริ่มต้นมองหาจุดเริ่มต้นในธุรกิจอาหาร 
พอดิบพอดี เขาเดินทางไปท่องเที่ยวที่ไต้หวันและฮ่องกง เขาพบว่า อาหารแช่แข็งพร้อมทานได้รับความนิยมสูงมาก และมีความสะดวกเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่
แต่เนื่องจากว่าอาหารแช่แข็งยังมีราคาสูงมาก ถ้าเทียบกับค่าครองชีพในประเทศไทยที่คนสามารถเดินเข้าร้านอาหารข้างทาง หรือสั่งข้าวราดแกงจานละ 25-30 บาท
แทนที่จะยอมกินอาหารแช่แข็งที่มีราคาสูงระดับ 40-50 บาท ซึ่งถือว่ายังแพงเกินไป 
แต่ไม่เป็นยไร เขาคิดว่าสักวันต้นทุนการผลิตจะถูกลง และคนไทยจะนิยมอาหารแช่แข็งกันมากถึง

เขาถึงกับลาออกจากการเป็นพนักงานบริษัทและตัดสินใจเริ่มต้นธุรกิจอาหารแช่แข็ง นับตั้งแต่นั้น 
แต่ธุรกิจอาหารแช่แข็งเต็มไปด้วยอุปสรรคอย่างที่เขาคิดเอาไว้ก่อนหน้านั้น สุดท้ายเขาเลยตัดสินใจขายธุรกิจอาหารแช่แข็งให้แก่บริษัทอื่นไป

  
ระหว่างที่เขาทำธุรกิจอาหารแช่แข็งไปด้วย เขาได้ทำธุรกิจเล็กๆส่วนตัวของเขาขึ้นก็คือ สินค้าประเภทเบเกอรี่
เขาจึงกัดฟันและลุยธุรกิจเบเกอรี่ด้วยความตั้งใจ
สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของ CPALL หรือ 7-Eleven ที่ขยายสาขาอย่างรวดเร็ว 
และเปลี่ยนจากการขายสินค้าทั่วไป มาเน้นขายอาหารและเครื่องดื่มมากขึ้น
คุณสมชาย จึงมุ่งพัฒนาสินค้าเบเกอรี่คุณภาพสูง เพื่อจะได้รับโอกาสที่สินค้าตัวเองจะเข้าไปวางขายใน 7-Eleven ทั่วประเทศ และเขาก็ทำได้ 
สินค้าของเขาวางขายใน 7-Eleven ทั่วประเทศ เขาจึงเริ่มขยายไปยังธุรกิจอื่นด้วย 
ซึ่งหนึ่งในนั้น คือ แซนวิชอบร้อน โดยคอนเซ็ปต์ของสินค้า คือ แค่ฉีกซองใส่เครื่องอบ ก็อร่อยได้ทันที 
ในช่วงแรกแซนวิชอบร้อน  ได้รับความนิยมสูงมาก ขาดตลาด ผลิตไม่ทันขาย 
บริษัทจึงก่อตั้งโรงงาน NSL Foods แห่งที่ 2 เพิ่มกำลังการผลิต
ต่อมาในปี 2561 NSL ได้รับโอนกิจการทั้งหมดของบริษัท โดเมคเกอร์ จำกัด เพื่อง่ายต่อการบริหาร และความคล่องตัวของการทำธุรกิจ

ในปี 2564 บริษัท ได้จดทะเบียนเป็นบริษัทมหาชน ที่ราคา IPO 12 บาท
ปัจจุบันราคาหุ้น NSL อยู่ที่ 26.75 บาท ถือเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีมากสำหรับนักลงทุนที่เข้าซื้อตอนช่วง IPO 
โดยสาเหตุมาจาก บริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในแง่ของกำไรสุทธิที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก
ในปี 2563 บริษัทมีกำไรสุทธิ 152 ล้านบาท
ในปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 192 ล้านบาท
ในปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 298 ล้านบาท
ในปี 2566 บริษัทมีกำไรสุทธิ 334 ล้านบาท 
ข้อสังเกต คือ บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้น ถึงแม้จะเจอกับวิกฤตโควิด สินค้าก็ยังได้รับความนิยม และบริษัทมีกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ...

ประเด็นต่อมาที่น่าสนใจ คือ NSL มีการเติบโตไปพร้อมกับการขยายสาขาของ 7-Eleven
ซึ่งสินค้าที่ NSL วางขายใน 7-Eleven ถือเป็นรายได้หลัก และมีสัดส่วน ธุรกิจและอาหารรองท้อง คิดเป็น 91% ของรายได้ทั้งหมด
โดยทาง NSL มีการทำสัญญา MOU กับทาง CPALL จนถึงปี 2569 ว่าจะยังคงสินค้าไปขายผ่าน 7-Eleven ผ่านช่องทางต่างๆรวมถึงการรุกต่างประเทศของ CPALL ทาง NSL ก็สามารถส่งเบเกอร์รี่ของตัวเองไปขายต่างประเทศ (กัมพูชา) ได้ด้วยเหมือนกัน 
ไม่เพียงแค่นั้น NSL ยังรุกธุรกิจ Food Service เช่น การแปรรูปเนื้อสัตว์ อาหารพร้อมนำไปปรุงต่อให้กับกลุ่ม HORECA และ Modern Trade 
รวมถึงการออกมสินค้า OEM เป็นของตัวเองที่มีอัตรากำไรสูงกว่า

 

ราคาหุ้น NSL ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
https://www.tradingview.com/symbols/SET-NSL/

 

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์หยวนต้า วิเคราะห์ว่า ผลประกอบการของ NSL ในไตรมาส 1 ปี 2567 จะทำ New High อย่างต่อเนื่อง จาก 2 ประเด็นด้วยกัน คือ 
1. ยอดขายที่เพิ่มขึ้น 
จากการผลิตสินค้าให้ 7-Eleven การเปิดสาขาใหม่ และนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาเที่ยวไทยมากขึ้น 
และยังผลิตไลน์สินค้าใหม่ "ข้าวแท่ง" วางขายในร้านกาแฟพันธุ์ไทยของ PTG 
2. อัตรากำไรขั้นต้นที่สูงขึ้น
โดยฝ่ายวิจัย มองว่าจะอยู่ที่ราวๆ 19.4% (จากเดิม 18.4%) จากการเพิ่มกำลังการผลิต และการปรับ Product Mix ของบริษัทให้เหมาะสมทำให้กำไรเพิ่มขึ้น
ไม่เพียงแค่นั้น  ฝ่ายวิจัยยังมองว่า ผลประกอบการในไตรมาส 2 ปี 2567 จะยังทำ New High อย่างต่อเนื่องอีกด้วย

 

 

NSL คือหุ้นที่มีธุรกิจแข็งแกร่ง เข้าใจได้ง่าย และนักลงทุนก็สัมผัสได้โดยตรงในชีวิตประจำวัน 
การเติบโตของยอดขายหลักกว่า 91% มาจากการวางขายสินค้าใน 7-Eleven
แต่บริษัทก็พยายามหาช่องทางใหม่ๆ ไม่ได้หวังพึ่งรายได้จาก 7-Eleven เพียงอย่างเดียว
ซึ่งนี้ถือเป็นข้อดีของธุรกิจ ที่จะทำให้มีการกระจายความเสี่ยงผ่านหลากหลายช่องทาง และมีรายได้ที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต

------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์หยวนต้า

ผลประกอบการสำคัญ บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) 


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง