หุ้นที่นักลงทุนติดตามมากที่สุดตัวหนึ่ง มั่นใจว่าจะต้องมีหุ้น OR หรือ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)
อย่างด้วยแน่นอน
ถ้าใครติดตามราคาจะพบว่า ...
ใน 1 เดือน ราคาหุ้นปรับตัวลงไปแล้วกว่า -7%
หรือถ้าใครถือมานานถึง 12 เดือน จะต้องขาดทุนไปแล้วเกือบ -20% เข้าไปแล้ว
ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่า เกิดอะไรขึ้นกับหุ้น OR
คำตอบสั้นๆที่พอจะอธิบายได้ คือ
ผลประกอบการที่ผ่านมา เติบโตต่ำกว่าที่นักลงทุนคาดหวังเอาไว้ ...
และผลประกอบการในอนาคต การเติบโตก็อาจจะไม่ได้ดีอย่างที่คิด
ผลประกอบการย้อนหลังของ OR ที่ผ่านมาแทบจะไม่ได้เติบโตอย่างเด่นชัดมากเท่าไรนัก
ในปี 2562 บริษัทมีกำไรสุทธิ 10.89 พันล้านบาท
ในปี 2563 บริษัทมีกำไรสุทธิ 8.79 พันล้านบาท
ในปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 11.47 พันล้านบาท
ในปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 10.37 พันล้านบาท
และในปี 2566 ผลประกอบการ 9 เดือน บริษัทมีกำไรสุทธิ 10.90 พันล้านบาท
เรียกได้ว่า ผลประกอบการในแง่ของกำไรสุทธิไม่ได้เติบโตเลย
ในขณะที่ Net Margin ก็อยู่ราวๆ 1.8% - 2.2% ซึ่งถือว่าไม่ได้สูงมาก
นอกจากเรื่องผลประกอบการในอดีตที่ไม่เติบโตแล้ว
ยังมีประเด็นเรื่องของการเปลี่ยนมาตรฐานน้ำมัน Euro4 มาเป็น Euro5
เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2567 มีการประกาศว่าประเทศไทยได้นำมาตรฐาน Euro5 มาใช้ ซึ่งเข้มข้นกว่า Euro4
แต่สามารถช่วยในเรื่องของการลดมลพิษทางอากาศ
และช่วยในการปรับปรุงคุณภาพของสิ่งแวดล้อม ได้
แต่ข้อเสีย คือ ราคาน้ำมัน Euro5 แพงกว่า Euro4 ประมาณ 0.09 บาทต่อลิตร
ในขณะที่ราคาน้ำมันดีเซล จะถูกตรึงไว้ที่ 29.94 บาทต่อลิตร ส่งผลให้ OR ไม่สามารถขึ้นราคาขายปลีกได้
ทำให้การเปลี่ยนมาตรฐานมาเป็น Euro5 จะไปกดดันค่าการตลาดของผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมัน
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เคจีไอ วิเคราะห์ว่าด้วยประเด็น Euro5
น่าจะกดดันกำไรของ OR ราวๆ 8% ซึ่งจะเห็นผลชัดขึ้นในปี 2567 ที่จะถึงนี้
เมื่อผลประกอบการถูกกดดัน จะส่งผลให้บทวิเคราะห์หลายแห่งน่าจะมีการปรับประมาณการลงไม่ช้าก็เร็ว
- การปรับลดค่าไฟ FT กำลังส่งผลกระทบต่อหุ้น PTT และ PTTGC
- AOT ราคาลงมาขนาดนี้ ซื้อได้หรือยัง ?
- สรุป WARRIX สปอร์ตแบรนด์ที่สดใส แต่ทำไมราคาหุ้นกลับมาที่เดิม ?
นอกจากเรื่องของการปรับเปลี่ยนน้ำมันมาเป็น Euro5 ที่จะไปกดค่าการตลาดแล้ว
ผลประกอบการระยะสั้น โดยเฉพาะใน 4Q66 ที่จะถึงนี้ก็อาจจะไม่ได้ดีอย่างที่คิด ...
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เคจีไอ วิเคราะห์ว่า ผลประกอบการ 4Q66 ของหุ้น OR น่าจะอยู่ราวๆ 466 ล้านบาท
หรือพูดง่ายๆ คือ ดีขึ้น YoY จากขาดทุนสุทธิ 744 ล้านบาท
แต่กลับแย่ลง QoQ จาก 4Q65 ถึง -91% เลยทีเดียว จากสาเหตุสำคัญ 4 ประการ คือ
1. ขาดทุนจากสต็อคน้ำมัน
2. ค่าการตลาดทีต่ำผิดปกติ (จาก 1.26 บาทต่อลิตร ใน 3Q66 มาอยู่ที่ 0.48 บาทต่อลิตร ใน 4Q66)
3. ธุรกิจน้ำมันทรงตัว
4. ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน (ฝ่ายวิจัยคาดว่าน่าจะอยู่ราวๆ -547 ล้านบาท)
เรียกได้ว่า ผลประกอบการของ OR อาจจะ "ไม่สดใส" เท่าไรนัก
ฝ่ายวิจัยยังแสดงความคิดเห็นอีกด้วยว่า หุ้น OR ควรจะมี P/E ที่เหมาะสมอยู่ราวๆ 22 เท่า (ปัจจุบัน 21.5 เท่า)
ซึ่งถ้าวัดในแง่ของ Valuation ถือว่าน่าสนใจ
แต่ถ้าวัดจากผลประกอบการ ถือว่าไม่น่าสนใจ เพราะผลประกอบการน่าจะต้องถูกกดันต่อไปอีกสักระยะ
โดยเฉพาะ 4Q66 ที่จะถึงนี้ ราคาหุ้นน่าจะถูกกดดันจากผลประกอบการที่ลดลง
หุ้น OR คือหุ้นขวัญใจนักลงทุน ที่เราน่าจะเข้าใจธุรกิจได้ไม่ยาก
โดยเฉพาะธุรกิจร้านกาแฟ Cafe Amazon ที่ผู้บริโภครู้จักกันเป็นอย่างดี
แต่น่าเสียดาย ที่ธุรกิจ Lifestyle คิดเป็นสัดส่วนกำไรยังถือว่า "น้อยมาก" เมื่อเทียบกับกำไรจากการขายน้ำมันทั้งหมด
ทำให้ธุรกิจ LifeStyle ที่เติบโตได้ดี ไม่ได้ส่งผลต่อประมาณการของภาพรวมสักเท่าไรนัก
และนี้จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม ผลประกอบการของ OR ไม่ได้เติบโตอย่างที่คาดหวังเอาไว้
ตอนนี้ สิ่งที่นักลงทุนพอจะคาดเดาได้ว่าราคาหุ้นที่ Underperform มาโดยตลอดน่าจะมาจาก 2 สาเหตุด้วยกันคือ
1. ผลประกอบการที่ไม่เติบโต
2. ค่าการตลาดที่โดนกดดันอย่างต่อเนื่อง
ถ้านักลงทุนเห็นผลประกอบการของ OR ออกมาดูดี เชื่อว่าราคาหุ้นก็น่าจะกลับมาได้ไม่ยาก ครับ
------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เคจีไอ