หนึ่งในหุ้นดีหนึ่งประเภทหนึ่ง ในใจของนักลงทุนไทย 
 

ผมเชื่อว่าจะต้องมีชื่อของ “หุ้น AOT บมจ.การท่าอากาศยานไทย” อยู่ในรายชื่ออันดับต้นๆอย่างแน่นอน
 

AOT ประกอบธุรกิจท่าอากาศยานของประเทศไทย ธุรกิจหลักประกอบด้วย การจัดการ การดำเนินงาน และการพัฒนาท่าอากาศยาน มีรายได้ทั้งจากผู้โดยสารและเครื่องบินที่ผ่านเข้าออก รวมไปถึงบริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์(โดยเฉพาะ Duty Free) โดยมีสนามบินในความรับผิดชอบ 6 แห่ง คือ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ แม่ฟ้าหลวง(เชียงราย) ภูเก็ต และหาดใหญ่ ซึ่งทั้ง 6 แห่งนี้ ถือเป็นสนามบินหลักของประเทศไทย ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค โดยให้บริการทั้งเที่ยวบินภายในประเทศและระหว่างประเทศ 
 

ขนาดธุรกิจของ AOT เมื่อวัดตามมูลค่ากิจการ (Market Cap) ถือว่าติด Top3 ในเชิง Market Cap เสมอมา โดยสลับกันเป็นบมจ.ที่มีขนาดมูลค่ากิจการใหญ่ที่สุดของตลาดหุ้นไทย สลับอันดับกับ DELTA และ PTT
 

ในเชิงราคา หุ้น AOT ถือว่ายืนระยะได้อย่างแข็งแกร่งในระดับช่วงราคา 70-75 บาทต่อหุ้น มาเกือบตลอดปี 2566 ในขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทย SET Index ปรับตัวลงไปถึง -17% ตั้งแต่ YTD กระทั่งถึงปลายเดือนพฤศจิกายน 2566
 

แต่อย่างไรก็ตาม ช่วงเดือนพฤศจิกายน 2566 นี้เองที่ราคาหุ้น AOT ปรับตัวลงอย่างแรงและเร็ว โดยเฉพาะช่วงปลายเดือน พ.ย. หุ้นลงทำแฮตทริคสามวันติด 21 พ.ย. -2.54% , 22 พ.ย. -1.86% , และ 23 พ.ย. -5.68% สามวันลง -10% นานๆจะได้เห็นภาพนี้เกิดขึ้น ส่งผลให้ราคาหุ้น จาก 69 บาท เหลือ 62.25 บาทต่อหุ้นอย่างรวดเร็ว และซึมลงต่อ สู่ระดับ 59 บาทต่อหุ้นในช่วงต้นเดือนธันวาคม 
 

ในเชิงปัจจัยพื้นฐาน แน่นอนว่าหุ้น AOT จะดีได้ ขึ้นกับสามปัจจัยหลัก

• จำนวนแขกบ้านแขกเมือง ที่เดินทางเข้าไทย มีธรรมเนียมสนามบิน 
• จำนวนเครื่องบิน ที่มาใช้สนามบิน จอด ขึ้นลง 
• ร้านค้า ผู้ประกอบการเชิงพาณิชย์ ที่เช่าที่ภายในอาคารท่าอากาศยาน หลักๆคือ Duty Free 

ปัญหาคือ ช่วงเดือนพฤศจิกายน มีข่าวความกังวลออกมาเรื่อยๆ ปัจจัยลบกดดันต่อเนื่อง
 

1. ผลประกอบการ 4Q23(ก.ค.-ก.ย. 2566) ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์

2. เริ่มมีนักวิเคราะห์ ปรับลดจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศ เดิม 41 ล้านราย ลงเป็น 35 ล้านราย และปรับลดจำนวนผู้โดยสารในประเทศลง เดิม 28 ล้านราย ลงเป็น 27 ล้านราย 

3. เริ่มมีข่าว สายการบินจีนปรับลดประมาณการเที่ยวบินเข้าไทย พร้อมยกเลิกการจอง “สลอตการบิน-กราวนด์เซอร์วิส” ก็คือตัวเลขนักท่องเที่ยวจีน ยังโตต่ำกว่าคาดอยู่  

4. จะมีการออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเชิงพาณิชย์ในสนามบินเพิ่มเติม 

5. สนามบินสุวรรณภูมิจะมีค่าใช้จ่ายของ "อาคารใหม่ SAT-1" ที่เพิ่งเริ่มเปิดเมื่อเดือน ก.ย. 66 ที่ผ่านมา เปิดอาคารใหม่ก็ต้องเริ่มรับรู้ค่าเสื่อมราคา ค่าพนักงาน ค่าสาธาณูปโภค น้ำไฟอีก ต้นทุนส่วนเพิ่มต่อปีก็ไม่น้อยนะ 

6. ล่าสุด 28 พ.ย. ครม.เห็นชอบหลักการส่งเสริมไทยเป็นศูนย์กลางท่องเที่ยวและการใช้จ่าย โดยหนึ่งในมาตรการ คือ ยกเลิกร้านค้า Duty free ขาเข้า  เพื่อให้เกิดการจับจ่ายซื้อของในประเทศ  แม้ในภาพรวมจะมีผลกระทบต่อรายได้ Duty Free ไม่มาก เพราะยอดขายส่วนใหญ่อยู่ที่ Duty Free ขาออก  แต่ก็มีผลต่อ sentiment ในช่วงเวลาที่เปราะบางเช่นนี้ 
 

ในภาวะที่ตลาดหุ้นปกติ การลงเร็วๆของราคาหุ้น AOT ส่วนใหญ่มักเป็น "โอกาสซื้อ" ไม่ว่าจะเกิดจากเหตุการณ์ทางการเมือง เหตุการณ์ระเบิด หรือแม้แต่การปิดประเทศจากโควิด หุ้น AOT สามารถกลับมาได้ทุกครั้ง 
 

แต่ในภาวะตลาดซึมลง และวอลุ่มตลาดค่อนข้างแห้งแบบปี 2566 นี้ ทำให้ต้องคิดหนักเหมือนกัน เทียบกับตอนวิกฤตโควิด แบบนี้จะกล้าสวน เพราะตามข่าวว่า วัคซีนยังไงก็จะสำเร็จในปีเดียว นั่นเป็นจุดเปลี่ยนเกมแบบชัดเจน ประเทศที่ปิดสุดท้ายก็ต้องเปิดนั่นก็ป็นจุดเปลี่ยนอย่างชัดเจนเช่นเดียวกัน 
 

แต่รอบนี้ จะเคาะสวน แต่ใจยังหวั่นๆนะ เพราะตัวเปลี่ยนเกมมันไม่ได้เป็นจุดของ Event แต่เป็นจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าไทยแบบไหลหลั่งมาจริงๆ จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา ฟื้นตัวเร็ว... ราคาหุ้น AOTฟื้นเร็ว แต่ถ้าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา ฟื้นตัวช้า... ราคาหุ้น AOTฟื้นช้า ตรงไปตรงมาแบบนี้เลย 

ดังนั้นนักลงทุน จึงต้องติดตามพัฒนาการของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ และติดตามอ่านบทวิเคราะห์หุ้น AOT จากเว็บตลาดหลักทรัพย์ เพื่อประเมินพัฒนาการ และประเมินราคาหุ้นที่เหมาะสมต่อไป