ผลประกอบการของ SCC ออกมาเป็นที่เรียบร้อย
โดยสรุปรายงานผลประกอบการบอกว่า
ปี 2566 บริษํททำได้ 25.91 พันล้านบาท
มากกว่าปี 2565 ที่บริษํททำได้ 21.38 พันล้านบาท ... อ่าว ออกมาดีไม่ใช่เหรอ เพราะผลประกอบการดูดีขึ้น
ปรากฏว่าไม่ใช่แบบนั้น เพราะสิ่งที่เราเห็นมีกำไรพิเศษจากการปรับโครงสร้างรวมอยู่ในนั้นด้วย


อันดับแรก เรามาดูผลประกอบการ 9 เดือนของปี 2566 จะพบว่า SCC มีกำไรสุทธิ 27.04 พันล้านบาท
แต่พอมาผลประกอบการเต็มปี กลับเหลือเพียง 25.91 พันล้านบาท
พูดง่ายๆ คือ 4Q66 บริษัทมีผลประกอบการที่ "ขาดทุน" นั่นเอง
และคิดเป็นการขาดทุนถึง 1.1 พันล้านบาท
โดยหลักของการขาดทุนมาจาก 3 ส่วนด้วยกัน คือ
1. กำไรปกติที่อ่อนแอ
2. ขาดทุนจากสินค้าคงคลัง 492 ล้านบาท
3. การด้อยค่าสินทรัพย์ธุรกิจปูนซีเมนต์ในเมียนมา 1.6 พันล้านบาท
ต่อมา ถ้าเราดูในแต่ละหมวดธุรกิจจะพบว่า ...
ธุรกิจปิโตรเคมี
ผลประกอบการลดลงทั้ง QoQ และ YoY จากเหตุผลในเรื่องของธุรกิจปิโตรเคมีที่อ่อนแอ ต้นทุนการขนส่งที่เพิ่มขึ้น
กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ Spread ผลิตภัณฑ์ปิโตรลดลง การปิดซ่อมบำรุงโรงงาน
และเรื่องของโครงการ LSP ที่เวียดนามที่ต้องตั้งค่าเสื่อมมากขึ้น และอยู่ระหว่างการทดสอบการเดินเครื่อง
ธุรกิจปูนซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง
อ่อนแอลง QoQ แต่ปรับตัวดีขึ้น YoY
ความต้องการใช้ปูนซีเมนต์ลดลง โดยเฉพาะในเวียดนามและกัมพูชา ส่วนในประเทศไทยลดลง -4.6%
อย่างไรก็ตาม ต้นทุนวัตถุดิบลดลง และการควบคุมต้นทุนทำให้ผลประกอบการดีขึ้นในภาพรวม
ธุรกิจ Packaging
อ่อนแอลง QoQ แต่ปรับตัวดีขึ้น YoY
สาเหตุหลักเพราะต้นทุนพลังงานที่ลดลง ทำให้ภาพรวมของผลประกอบการดูดีขึ้น
ข้อสังเกตที่น่าสนใจ คือ ผลประกอบการปี 2566 แย่กว่าปี 2565 ยังไง ?
ผลประกอบการเต็มปีของ SCC มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 2.6 หมื่นล้านบาท
ซึ่งในนั้นมีกำไรพิเศษจากการปรับโครงสร้าง SCGL รวมอยู่ด้วยราวๆ 1.2 หมื่นล้านบาท
พูดง่ายๆ คือ ถ้าพูดถึงกำไรจากการดำเนินงานปกติ จะทำได้ 1.5 หมื่นล้านบาท หรือผลประกอบการลดลงจากปี 2565 ถึง -36% YoY นั่นเอง
- SCC ราคาหุ้นที่ตกต่ำกว่า 20% ใน 1 ปี นักลงทุนอาจจะเห็นผลประกอบการที่ "ขาดทุน"
- สรุปผลประกอบการ SCGP ปี 2566 ที่น่าผิดหวังจากต้นทุนที่สูงขึ้น
- ราคาหุ้น IRPC -40% ภายใน 12 เดือน ค้นหาสาเหตุทำไมถึงเป็นแบบนั้น ?
สรุปแบบสั้นๆ คือ ธุรกิจปิโตรเคมียังอ่อนแอ
ในขณะที่ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง และ ธุรกิจ Packaging ปรับตัวดีขึ้นจากต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง และการควบคุมประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม รายได้หลักของ SCC คือ ธุรกิจปิโตรเคมี
ถ้าธุรกิจปิโตรเคมียังคงอ่อนแอ ผลประกอบการในภาพรวมก็อาจจะยังไม่ได้ดูดีอย่างที่นักลงทุนคาดหวังไว้
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์อินโนเวสท์ เอกซ์ วิเคราะห์ว่า ผลประกอบการ 1Q67 น่าจะออกมาดูดีกว่า 4Q66 สาเหตุเป็นเพราะว่าได้รับแรงสนับสนุน
จากธุรกิจวัสดุก่อสร้าง และ ธุรกิจ Packaging ที่ฟื้นตัว ทั้งต้นทุนพลังงานที่ลดลง และการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐให้กำลังซื้อสูงขึ้น
อีกทั้งธุรกิจปิโตรเคมี มีแนวโน้มฟื้นตัว แต่ไม่ได้มาก
ส่วนปัจจัยสนับสนุนระยะยาว คือ โรงงาน LSP ที่จะเดินเครื่องในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567
ฝ่ายวิจัย มองว่า ผลประกอบการจะดูดีขึ้นจากปี 2566 จากฐานที่ต่ำ
และมีมุมมองเชิงบวกในระยะกลางจนถึงยาว ต่อหุ้น SCC โดยเฉพาะครึ่งปีหลังที่คาดว่าธุรกิจปิโตรเคมีจะฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด
ทั้งนี้ เราต้องไม่ลืมว่าราคาหุ้น SCC ปรับตัวลงมามากแล้วระดับหนึ่ง
อาจจะเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนใส่ความกับวลลงไปในหุ้น SCC ลงไปแล้ว
และตอนนี้หุ้น SCC ซื้อขายบน P/BV 0.8 เท่า ต่ำสุดในรอบหลายปี
หลายบทวิเคราะห์จึงมองตรงกันว่า ณ ระดับราคานี้หุ้น SCC ไม่ใช่หุ้นที่แพงเลย
และ Upside ของหุ้นก็เปิดกว้างมาก เมื่อเทียบกับราคาเหมาะสมที่ให้
สิ่งที่นักลงทุนกำลังเฝ้ารออยู่ คือ การฟื้นตัวของผลประกอบการ จะอยู่ที่ตรงไหน
แต่คาดว่าจุดต่ำสุดน่าจะผ่านพ้นไปแล้ว ครับ
------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์อินโนเวสท์ เอกซ์
คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการไตรมาสที่ 4/2566 : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย