#ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐาน
#ข่าวหุ้นธุรกิจการลงทุน

สรุปประเด็น TU กับ Red Lobster กระทบกับมูลค่าหุ้นมากแค่ไหน ?

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
1,723 views

เมื่อวานมีประเด็นข่าวที่น่าสนใจ เกี่ยวกับ TU หรือ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) 
เกี่ยวกับการถอนการลงทุนใน Red Lobster เชนร้านอาหารทะเลขนาดใหญ่ในประเทศสหรัฐอเมริกา
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเตรียมด้อยค่ามูลค่าสูงถึง 1.85 หมื่นล้านบาท
ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่า จะกระทบกับมูลค่าหุ้น TU มากแค่ไหน

 

ก่อนอื่น เราต้องเข้าใจก่อนว่า TU มีการแจ้งข่าวกับตลาดหลักทรัพย์ 2 ข่าวในเวลาใกล้เคียงกัน คือ
1. การซื้อหุ้นคืน ภายใต้วงเงิน 3.6 พันล้านบาท จำนวนหุ้นไม่เกิน 200 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 4.3% ของหุ้นที่จำหน่ายได้ทั้งหมด
โดนจะเริ่มซื้อตั้งแต่วันที่ 20 กุมภาพันธ์ จนถึง 30 มิถุนายน ปี 2567 
2. การถอนการลงทุนใน Red Lobster

 

ข้อแรกเป็นประเด็นที่ตรงไปตรงมา และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับหุ้น TU อยู่แล้ว
เพราะเป็นเรื่องของการซื้อหุ้นคืน
ประเด็น คือ ข้อ 2 คือการถอนการลงทุนใน Red Lobster

แต่เดิม TU ได้เข้าลงทุนใน Red Lobster รวมมูลค่า 580 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยประมาณ 2 หมื่นล้านบาท
แบ่งเป็นการเข้าซื้อหุ้นสามัญ 229 ล้านเหรียญสหรัฐ และหุ้นบุริมสิทธิแปลงสภาพ มูลค่า 351 ล้านเหรียญสหรัฐ
ประเด็น คือ ตั้งแต่เข้าลงทุนใน Red Lobster ก็มีผลขาดทุนมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นก่อนโควิด ช่วงโควิด และโควิดผ่านพ้นไปแล้ว
ก็ยังมีประเด็นเรื่องดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนวัตถุดิบและค่าแรงปรับตัวสูงขึ้นมาโดยตลอด
ยิ่งไปกว่านั้น พฤติกรรมของคนอเมริกาเริ่มเปลี่ยนแปลงไป ไม่นิยมนั่งทานอาหารในร้านเหมือนเดิม ทำให้ธุรกิจประเภท Casual Dining เปลี่ยนไป 
ส่งผลเชิงลบต่อ Red Lobster เป็นอย่างมาก และปัญหานี้ก็ส่งผลกระทบมายัง TU ด้วยเหมือนกัน

ตามรายงานของบริษัท ชี้แจงว่าตั้งแต่เข้าลงทุนใน Red Lobster ตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน รับรู้การขาดทุนไปแล้ว 4.9 พันล้านบาท 
หรีอพูดง่ายๆ คือ ขาดทุนราวๆ 1 พันล้านบาทต่อปี เลยทีเดียว 
ทำให้ TU มีการพิจารณาที่จะถอนการลงทุน 
โดยจะมีการบันทึกด้อยค่าที่ไม่ใช่เงินสดครั้งเดียว 18,500 ล้านบาท หรือคิดเป็น 530 ล้านเหรียญสหรัฐใน 4Q66

ระหว่างนี้ TU จะมีการหาผู้ซื้อ ซึ่งถ้าขายได้จะทำให้เกิดการกลับรายการดังกล่าว ขึ้นอยู่กับราคาขายเป็นสำคัญ
นอกจากนี้ แม้ว่า TU จะไม่ได้ลงทุนใน Red Lobster 
แต่เนื่องจากว่า Red Lobster เป็นคู่ค้ากับบริษัทมายาวนาน จะไม่กระทบกับความสัมพันธ์ที่ดี หรือกระทบต่อการส่งธุรกิจอาหารแช่แข็งที่บริษัทขายวัตถุดิบให้กับ Red Lobster ต่อไป ซึ่งคิดเป็นประมาณ 2 พันล้านบาทต่อปี (ราวๆ 2% ของรายได้รวมทั้งหมด

 

คำถาม คือ จากประเด็น Red Lobster กระทบกับมูลค่าหุ้น TU มากแค่ไหน ? 
คำตอบ คือ แย่สั้น แต่ดีในระยะยาว ...

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส ได้แยกออกเป็น 2 ประเด็นด้วยกัน คือประเด็นระยะสั้น และประเด็นระยะกลาง - ยาว

ประเด็นระยะสั้น
ส่งผลเชิงลบต่อราคาหุ้น และผลประกอบการ
โดยการด้อยค่า 1.85 หมื่นล้านบาท (คิดเป็น EPS 4 บาทต่อหุ้น)
จะทำให้ผลประกอบการทั้งปีของ TU กลับมาขาดทุน 1.36 หมื่นล้านบาท

ประเด็นระยะยาว
จะส่งผลดี เพราะไม่ต้องรับผลการขาดทุนอีกต่อไปตั้งแต่ 1Q67 
ฝ่ายวิจัยมองว่า เมื่อหักการขาดทุนไปแล้วจะสามารถลดการขาดทุนไปได้ราวๆ 1 พันล้านบาท 
ส่งผลให้ผลประกอบการมีโอกาสเพิ่มขึ้นได้อีกราวๆ +7% ต่อปี หรือ 6.2 พันล้านบาท
ส่งผลให้เชิง Valuation ของบริษัทเพิ่มขึ้น

เรียกได้ว่า ยอมเจ็บปวดระยะสั้น เพื่อเพิ่มโอกาสในระยะยาว
แต่ประเด็นอยู่ที่คำถามต่อมา คือ การด้อยค่า 1.85 หมื่นล้านบาท ของ Red Lobster 
จะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างทางการเงินแค่ไหน ?
ฝ่ายวิจัยมองว่า กระทบไม่มาก
ปี 2566 เราอาจจะเห็นการขาดทุน แต่เนื่องจาก TU มีฐานทุนและกำไรสะสมค่อนข้างมาก
และเงินสดในมือสูงถึง 8.4 พันล้านบาท คิดว่าจะไม่กระทบต่อโครงสร้างทางการเงินอย่างมีนัยสำคัญ
อีกทั้ง เรื่องของเงินปันผล คาดว่า TU น่าจะมีการพิจารณาจ่ายออกมาในเดือนกุมภาพันธ์ที่จะถึงนี้

 

โดยสรุปแล้ว การลงทุน Red Lobster อาจจะเรียกได้ว่าไม่ประสบความสำเร็จของ TU
และนำไปสู่การตั้งด้อยค่าจำนวนมาก ทำให้ปี 2566 ผลประกอบการมีผลขาดทุน สร้างแรงกดดันต่อราคาหุ้น
แต่ถ้าเรามองข้ามไป จะพบว่า เป็นโอกาสที่ดีของบริษัทมากที่จะตัดขาดทุนออกไป 
เพื่อสร้างกำไรระยะยาวให้เติบโตต่อ
อย่างไรก็ตาม ระยะสั้น ความไม่ชัดเจนของผลประกอบการที่จะขาดทุนเท่าไร และจะจ่ายปันผลได้มากแค่ไหน ยังคงเป็นคำถามที่นักลงทุนต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดครับ

------------------------------------------------------------------------------
Reference
แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เรื่อง แผนถอนการลงทุนจากการลงทุนส่วนน้อยใน Red Lobster : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เรื่อง โครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อการบริหารทางการเงิน : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง