#ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐาน

สรุปสาเหตุหุ้น M การฟื้นตัวที่ช้า ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลงเกือบครึ่ง ?

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
2,788 views

เมื่อหลายปีก่อน หุ้น M หรือ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) 
ถือเป็นหุ้นธุรกิจร้านอาหารดาวเด่นในตลาดหุ้นไทย โดยเข้ามาในช่วงเดือนสิงหาคมปี 2556
เข้าตลาดมาด้วยราคา IPO 49 บาท และพุ่งสูงไปถึง 90 บาท จากสตอรี่ของการเติบโต ผลประกอบการที่ดูดีต่อเนื่อง
และธุรกิจร้านอาหารสุกี้ที่มีเอกลักษณ์ รวมถึงการพยายามเปิดร้านอาหารแบรนด์ใหม่ๆ เจาะกลุ่มตลาดลูกค้าใหม่ๆอยู่เสมอ

แต่ในช่วง 4-5 ปีมานี้ หุ้น M กลายมาเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนค่อนข้างย่ำแย่อย่างต่อเนื่อง
โดยถ้านักลงทุนถือหุ้นมา 12 เดือน จะได้ผลตอบแทน -35% เข้าไปแล้ว
หรือถ้าใครถือหุ้นมานานเกือบ 5 ปี จะขาดทุนไปกว่า 50% 
คำถามคือ เกิดอะไรขึ้นกับหุ้น M พื้นฐานของธุรกิจเปลี่ยนไปมากแค่ไหน

 

 

เราต้องเข้าใจก่อนว่า M มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องไปในทางที่ดี ..
เช่น การขยายสาขาใหม่ๆ การเปิดร้านอาหารแบรนด์ใหม่ เน้นตลาดพรีเมี่ยมมากขึ้น และเน้นความเป็นไลฟสไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไปของคนเมือง
รวมถึงการทุ่มเงินไปกว่า 2 พันล้านบาทเข้าซื้อ "แหลมเจริญ ซีฟู้ด" 
ซึ่งกระแสการเข้าซื้อกิจการเป็นไปในทางบวก เพราะ M มีฐานเงินทุนที่ดี การเข้าซื้อกิจการจะเป็นการเติบโตทางลัดที่เร็วกกว่าการมานั่งปั้นแบรนด์เอง 
การซื้อแหลมเจริญ อาจทำให้ MK นำความรู้ของตนมาพัฒนาต่อยอดให้แหลมเจริญ

รวมถึงช่วงวิกฤตโรคระบาด COVID-19 บริษัทก็หันมาเน้นทำเดลิเวอร์รี่มากขึ้น
และเน้นอาหารประเภท "อาหารจานเดียว" ในราคาที่ถูกลง 
ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่า สาเหตุหนึ่งที่ทำให้ราคาหุ้นลดลงเป็นเพราะวิกฤต COVID-19 ...


1. วิกฤต COVID-19 ทำให้ผลประกอบการแย่ลง
ปี 2562 บริษัทมีกำไรสุทธิ 2.60 พันล้านบาท
ปี 2563 บริษัทมีกำไรสุทธิ 907 ล้านบาท
ปี 2564 บริษัทมีกำไรสุทธิ 130 ล้านบาท
ปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 1.43 พันล้านบาท

ไม่เพียงแค่ผลประกอบการที่ลดลง แม้แต่ ROE ก็ลดลงด้วย
โดยก่อนโควิด บริษัทเคยมี ROE สูงถึง 18.28% และเคยสูงถึงระดับ 25% ในอดีต 
แต่ตอนนี้เหลือเพียงระดับ 10-11% เท่านั้น 
สอดคล้องกับทิศทางของอัตรากำไรสุทธิที่ลดลง จากที่เคยสูงถึง 14.6% เหลือเพียงระดับ 9% เท่านั้น

 

2. แนวโน้มผลประกอบการที่ฟื้นตัวช้ากว่าที่นักลงทุนคาดหวังไว้ 
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ฟินันเซีย มองว่า M ฟื้นตัวช้า ยังไม่น่าตื่นเต้น ยังไม่เห็นการฟื้นตัวของกำลังซื้อ
และพร้อมจะปรับลดกำไรลงปีละ 8-12% ซึ่งเป็นความน่ากังวลมากที่สุด

เมื่อไม่นานมานี้ บริษัทเปิดเผยว่า ในปี 2567 บริษัทต้ังเป้าเติบโต 7% YoY (จากเดิมตั้งเป้าเป็นเลขสองหลัก) 
และการขยายสาขา 21 สาขา (จากเดิม 30-40 สาขา)
โดยให้เหตุผลว่า การปรับแผนตามห้างค้าปลีก ค่าไฟที่แพงขึ้น ดังนั้น ผลประกอบการในอนาคตน่าจะยังเติบโตไม่โดดเด่น

ฝ่ายวิจัย มีการปรับกำไรสุทธิลดลง 8-12% ตั้งแต่ปี 2566 - 2568 
โดยมองว่าในปี 2566 บริษัทน่าจะมีกำไรสุทธิเติบโต 9% YoY
ในปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิเติบโต 12% YoY
และในปี 2568 บริษัทมีกำไรสุทธิเติบโต 8% YoY ซึ่งถือว่าเป็นไปอย่างเชื่องช้ากว่าในอดีต

 

ส่วนผลประกอบการระยะสั้น ในไตรมาส 4 ปี 2566
ฝ่ายวิจัยมองว่า มีแนวโน้มประกาศออกมาต่ำกว่าที่คาดเอาไว้ โดยน่าจะกำไรอยู่ที่ 405 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.2% QoQ
จากการขยายสาขาเพียง 4 สาขา และยอดขายต่อสาขาลดลงราวๆ -2.5% Yoy ทำให้มองว่าผลประกอบการไม่สดใส

โดยสรุป ระยะสั้นไม่มีปัจจัยบวกที่จะช่วยผลักดันราคาหุ้นให้มี Upside เพิ่มขึ้นได้
สิ่งที่ยังพอคาดหวังได้ คือ แบรนด์ที่แข็งแกร่ง
และฐานะทางการเงินที่แข็งแรง ไม่มีภาระหนี้ที่มีดอกเบี้ยจ่าย และมีเงินสดในมือสูง 
ฝ่ายวิจัยมองว่าเป็นหุ้นที่เหมาะแก่การซื้อลงทุน และเป็นหุ้นระยะยาว มากกว่า

ทั้งนี้ หุ้น M ปรับตัวลงมามาก
สะท้อนความกังวลไประดับหนึ่ง จากหุ้นที่เคยซื้อขายบน P/E สูงถึง 38 เท่า ตอนนี้เหลือเพียง 25 เท่า
และมีเงินปันผลระดับ 3.54% 
หน้าที่สุดท้ายของนักลงทุน คือ ติดตามความคืบหน้าและผลประกอบการของบริษัทอย่างใกล้ชิด
เพราะไม่แน่ว่า M อาจจะหาจุด Turning Point เจอ และกลายมาเป็นหุ้น Outperform ที่สร้างผลตอบแทนได้ดีเหมือนอย่างในอดีตที่ผ่านมา
------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ฟินันเซีย

ผลประกอบการสำคัญ : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง