หุ้นไทย ทำไมถึงขึ้นยาก ?
เชื่อว่าคำถามนี้ น่าจะอยู่ในใจนักลงทุนหลายๆคน
ถ้าเป็นเมื่อ 1-2 สัปดาห์ก่อน คำตอบสั้นๆที่พอจะอธิบายได้ คือ เรื่องของการ Short Sell
แต่ถ้าถามว่า แล้วตอนนี้ละ ?
ทำไมหุ้นไทยดูขึ้นยาก ทั้งที่เรื่องของการ Short Sell และปัจจัยเชิงบวกหุ้นไทยเริ่มเด่นชัดมากขึ้น
คำตอบสั้นๆ คือ เรื่องของ "วอลุ่ม" หรือปริมาณการซื้อขายหุ้นไทยที่ยังเบาบาง
ต้องยอมรับว่าในเวลานี้ปัจจัยหุ้นไทย "ไม่แพงแล้ว" ในเชิง Valuation
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของราคาน้ำมันที่ปรับลดลง และ Bond Yield ทั้งในสหรัฐอเมริกาและประเทศไทย ก็ปรับตัวลดลง
โดยล่าสุด เหลือเพียง 2.88% ทำให้ความแตกต่างระหว่าง Bond Yield อายุ 10 ปี และ Policy Rate ของไทยต่างกันราวๆ 0.38% ซึ่งเข้าใกล้ 0 มากขึ้นเรื่อยๆ และภาพต่อไปที่เราจะเห็นคือ การปรับลดดอกเบี้ยในระยะถัดไป
ถือเป็นการย้ำสัญญาณให้เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยอยู่ในทิศทางขาลง
และจะเป็นบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยง เช่น หุ้น ให้ปรับตัวและนักลงทุนยอมให้มี Valuation ที่แพงขึ้นมาได้
หุ้นไทย ยังอ่อนแอ ทั้งที่มีโอกาสที่จะฟื้นตัว
สาเหตุเพราะยังขาดสภาพคล่อง และปริมาณซื้อขายที่ลดน้อยลงเรื่อยๆ ...
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส วิเคราะห์ว่า SET Index จะสามารถปรับขึ้นได้ ปริมาณการซื้อขายจะต้องไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น Turnover อยู่ราวๆ 70% (ซึ่งปัจจุบันค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 67% หรือปริมาณซื้อขายยังค่อนข้างต่ำ)
- เศรษฐกิจไทยอ่อนแอกว่าที่เห็น ปีหน้าอาจโตไม่ถึง 2.9% ถ้าไม่มี Digital Wallet
- Short Sell คือสาเหตุหลัก ที่ทำให้หุ้นไทยไม่ขึ้นเลย
- กองทุน TESG…ลดหย่อนภาษีและออมเงินระยะยาว
เราไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ตลาดหุ้นไทยมีปัจจัยแวดล้อมอยู่มาก ที่ทำให้หุ้นไทยขึ้นได้ และ Valuation ยังค่อนข้างถูก
แต่เนื่องจาก "วอลุ่ม" ที่ยังน้อยเกิยไป ทำให้หุ้นไทยขึ้นยาก
สิ่งที่พอจะคาดหวังได้ ก็คือ ปริมาณการซื้อขายหุ้นไทยกลับมาเมื่อไร หุ้นไทยจะขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ...
------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส