#ข่าวหุ้นธุรกิจการลงทุน
#มือใหม่เริ่มลงทุน
#วางแผนการเงิน

เศรษฐกิจไทยอ่อนแอกว่าที่เห็น ปีหน้าอาจโตไม่ถึง 2.9% ถ้าไม่มี Digital Wallet

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
1,018 views

ถ้าเราถามว่า ปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะเป็นอย่างไร
ถ้าให้ตอบแบบสั้นๆ คือ อาจจะโตแย่กว่าที่คาดกันเอาไว้
และอาจจะโตไม่ถึง 2.9% ถ้าไม่มี Digital Wallet เข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

บทวิเคราะห์ KKP Research โดยกลุ่มธุรกิจเกียรตินาคินภัทร คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2566 น่าจะโตได้ประมาณ 2.4% 
และปี 2567 น่าจะโตได้ประมาณ 3.7% ในกรณีที่มีโครงการ Digital Wallet 5 แสนล้านบาทเข้ามากระตุ้นเศรษฐกิจ
และถ้าไม่มี Digital Wallet เศรษฐกิจไทยอาจจะโตได้อยู่ที่ 2.9%

 

บทวิเคราะห์แสดงความคิดเห็นว่า GDP ไตรมาส 3 ชี้ให้เห็นถึงเศรษฐกิจไทยโตในระดับค่อนข้างต่ำที่ 1.5% 
ในขณะที่ GDP ในฝั่งการอุปสงค์โตได้ถึง 5.6%
พูดง่ายๆ คือ เศรษฐกิจไทยโตดีได้จากฝั่งของการบริโภคและการลงทุน
- บัญชีเดินสะพัดของไทยเกินดุล 2.7% ของ GDP
- การใช้จ่ายของผู้บริโภค เพิ่มขึ้น +8.1% จากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง 
และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น
- การใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวขยายตัวดีขึ้น
- การลงทุนภาคเอกชน เพิ่มขึ้น +1.5% 
แต่ถ้าเราเจาะลึกตัวเลข จะพบว่า "อ่อนแอ" กว่าที่เห็น 
จาก 5 สัญญาณ ที่เราไม่ควรมองข้าม ประกอบไปด้วย
1. ยอดขายบ้านและรถยนต์ปรับตัวลดลงต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา 
โดยเกิดจากทั้งรายได้ในประเทศที่ยังฟื้นตัวได้ช้า การปล่อยกู้ของสินเชื่อภาคธนาคารที่ตึงตัวขึ้นมาก และอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้นเร็วทำให้ภาระหนี้เพิ่มสูงขึ้น

 

2. ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนออกมาอ่อนแอต่อเนื่องสวนทางกับเลข GDP ในฝั่งการใช้จ่าย 
โดยในช่วงที่ผ่านมา ทิศทางกำไรของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ไทยค่อนข้างแย่ และมีจำนวนหุ้นที่ถูกปรับการคาดการณ์รายได้ ( Earning) ลง มากกว่าจำนวนหุ้นที่ถูกปรับการคาดการณ์รายได้ ขึ้น ขณะที่กำไรต่อหุ้นหรือ EPS ของตลาดหุ้นไทยในปีนี้ลดลงมากว่า 10% จากต้นปี 2023 ซึ่งลดลงมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก ซึ่งสะท้อนว่าเศรษฐกิจไทยน่าจะอยู่ในช่วงที่ชะลอตัวมากกว่าฟื้นตัวได้ดี

 

3. อัตราการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (Same store sale growth) ของบริษัทจดทะเบียนมีทิศทางที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง 
โดยชะลอตัวลงทั้งในกลุ่มของสินค้าจำเป็นและสินค้าฟุ่มเฟือย และมีแนวโน้มปรับเป็นติดลบในไตรมาสที่ 3 ปี 2023 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

 

4. สินเชื่อในภาคธนาคารหดตัว 
สะท้อนว่าธนาคารพาณิชย์มีมุมมองที่ไม่ดีนักต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและคุณภาพสินเชื่อในระยะข้างหน้า จึงชะลอการปล่อยกู้ลง

 

5. ผลการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มหดตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 
ในปีภาษีที่ผ่านมา ภาษีมูลค่าเพิ่มซึ่งควรสะท้อนกิจกรรมทางเศรษฐกิจ หดตัวประมาณ 3% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้าแม้ปรับมูลค่าการนำเข้าสินค้าที่ลดลงแล้ว ซึ่งผลการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มที่ลดลงสะท้อนถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ชะลอลง

 

จาก 5 ข้อที่กล่าวมา ทำให้ KKP Research ปรับเป้า GDP ใหม่เป็น 3.7% 
มองภาพรวมยังอ่อนแอ และไม่สามารถฟื้นตัวได้ดี
และนโยบาย Digital Wallet จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้เพียง 0.8% ของ GDP เท่านั้น โดยเฉพาะในช่วงไตรมาส 2 และไตรมาส 3
พูดง่ายๆ คือ นโยบายแจกเงินส่งผลต่อเศรษฐกิจค่อนข้างจำกัด และกระตุ้นการบริโภคได้เพียงชั่วคราว เท่านั้น กับการใช้เงินสูงถึง 5 แสนล้านบาท มองเป็นนโยบายที่ "ได้ไม่คุ้มเสีย" 
เนื่องจากสถานการณ์การชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันเกิดจากปัญหาเชิงโครงสร้างที่ทำให้ไทยแข่งขันในเวทีโลกได้ยากขึ้น มากกว่าประเด็นการลดลงของรายได้ชั่วคราว นอกจากนี้ ผลกระทบด้านลบยังรวมไปถึงต้นทุนทางอ้อมต่อเศรษฐกิจที่จะเพิ่มขึ้น จากการที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดจะปรับตัวสูงขึ้นจากการที่รัฐบาลจำเป็นต้องกู้เพิ่มอีกด้วย

 


อีกประเด็นที่นักลงทุนต้องติดตาม คือ เรื่องของเงินเฟ้อต่ำ แต่ทิศทางดอกเบี้ยยังทรงตัวในระดับสูง 
KKP Research ประเมินว่าจากทิศทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างอ่อนแอจะทำให้อัตราเงินเฟ้อยังมีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำที่ 1.7% และมีแนวโน้มที่คงที่
ซึ่งต้องยอมรับว่าประเทศไทย เงินเฟ้อปรับลงค่อนข้างเร็วที่สุดประเทศหนึ่งของโลก ต่างจากอีกหลายประเทศที่ดอกเบี้ยค้างอยู่ในระดับสูงยาวนาน

 

บทวิเคราะห์ มองว่าแบงก์ชาติ น่าจะคงดอกเบี้ยอยู่ที่ 2.5% ไปตลอดปี 2567 
ทำให้สถานการณ์ปัจจุบันมีความเสี่ยงที่นโยบายการเงินไทยจะอยู่ในภาวะที่เริ่มตึงตัวมากเกินไป ซึ่งปัจจุบันดอกเบี้ยที่แท้จริงของไทยสูงขึ้นที่ประมาณ 2.5% ซึ่งมากกว่าสหรัฐ ฯ ที่ประมาณ 2%
ถ้าหากว่าโครงการ Digital Wallet ไม่เกิดขึ้นจริงๆ เราอาจจะได้เห็นแบงก์ชาติมีแนวโน้มในการปรับลดดอกเบี้ยลง

 

สุดท้าย บทวิเคราะห์มีความเห็นว่า ปัญหาเชิงโครงสร้างระยะยาวทำให้ศักยภาพของเศรษฐกิจไทยเติบโตลดลงอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งถ้าหากมุ่งเน้นแต่การแก้ไขระยะสั้น และไม่ได้สนใจเรื่องของการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจระยะยาว
จะทำให้ภาพใหญ่ของเศรษฐกิจไทยไม่สามารถเติบโตต่อได้อย่างยั่งยืน


อ่านบทวิเคราะห์ฉบับเต็ม : https://media.kkpfg.com/document/2023/Nov/KKP%20Research_thai-economy-expected-to-slow-down-in-2024.pdf

------------------------------------------------------------------------------
Reference

KKP Research


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง