ต้องยอมรับว่าช่วงที่ผ่านมา ราคาทองกระโดดขึ้นมาสูงอย่างมากตั้งแต่มีความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส ที่น่าจะยืดเยื้อยาวนาน ทำให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยง และหันมาถือครองทองคำกันมากขึ้น
โดยดอลลาร์ในช่วงที่ผ่านมาอ่อนค่าลงมาค่อนข้างมาก เป็นสัญญาณอย่างหนึ่งว่าตลาดการเงินไม่ไว้วางใจในสกุลเงินดอลลาร์ และหันมาซื้อทองคำเอาไว้แทน
นอกจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์แล้ว "ค่าเงินบาท" ก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาทองคำในประเทศไทยพุ่งด้วยเช่นกัน
กล่าวคือ ค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ทำให้ราคาทองคำมีราคาที่สูงขึ้นตามไปด้วย
เช้าเมื่อวันศุกร์ ค่าเงินบาทอยู่ท 36.42 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ทำให้ทองคำขยับขึ้นอยู่ที่ราว 300 บาท
แต่ถ้าค่าเงินบาทอ่อนค่าอยู่ที่ 37 บาท อาจจะทำให้ราคาทองคำปรับขึ้นมาราวๆ 1000 บาท ได้ทันที
พูดง่ายๆ คือ การอ่อนค่าระดับ 10 สตางค์ ส่งผลให้ราคาทองคำขึ้นมาได้อีกราวๆ 70-80 บาทได้เลยทีเดียว
เมื่อเวลาทองคำพุ่ง ข่าวหนึ่งที่เรามักจะได้ยิน คือ มีคนเข้าแถวไปรอซื้อ รอขาย ทองคำกันอย่างหนาแน่น
คำถาม คือ ราคาทองที่ขึ้นมา ร้านค้าทองจะได้หรือเสียประโยชน์กันแน่ ?
คำตอบ คือ โดยปกติแล้วจะไม่ได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์อย่างชัดเจน
ร้านทองจะ "ไม่ได้คาดหวัง" กำไรหรือขาดทุน จากราคาทองที่เปลี่ยนไปในแต่ละวัน
เพราะโมเดลของธุรกิจร้านทอง ไม่ต่างอะไรจากร้านแลกเงินตราต่างประเทศ หรือบริษัทหลักทรัพย์ซื้อขายหุ้นที่เป็นแค่ตัวกลาง นายหน้า ซื้อขายเท่านั้น
พูดง่ายๆ คือ ถ้าร้านทองได้ทองมาแพง ก็สามารถที่จะขายแพงได้
ถ้าร้านทอง ได้ทองมาถูก ก็สามารถที่จะขายถูกได้เหมือนกัน
ปัจจัยสำคัญ คือ การบริหารสินค้าคงคลัง (ซึ่งก็คือทองคำ) ไม่ให้มีมากหรือน้อยจนเกินไป
ส่วนกำไรของร้านทอง คือ การกินส่วนต่างราคาซื้อขาย ค่ากำเหน็จ หรือดอกเบี้ยจากการจำนำทอง
แต่ที่กล่าวมา คือ ช่วงเวลาปกติ
แต่ถ้าช่วงเวลาไม่ปกติ ก็อาจจะมีการปรับกลยุทธ์บางอย่าง เช่น
... เวลามีคนแห่มาขายทองคำ
ทำให้ร้านค้าไม่มีเงินสดเพียงพอจะรับซื้อทองคำ ก็อาจจะปิดรับการซื้่อทองคำในวันนั้นๆ
... เวลามีคนแห่มาซื้อทองคำ
ร้านค้าก็อาจจะมีทองไม่เพียงพอ ก็สามารถซื้อทองจากผู้ขายส่ง และส่งมอบให้ผู้ที่ต้องการซื้อในภายหลัง
โดยสรุปแล้ว ร้านค้าทองจะไม่ได้หรือเสียประโยชน์จากราคาทองที่ปรับตัวขึ้นแรง หรือลงแรง
อ่านมาถึงตรงนี้ เราอาจจะสงสัยว่า
ถ้าให้เจาะลึกมากกว่านี้ การที่ราคาทองขึ้น ก็อาจจะส่งผลดีต่อบริษัทค้าทองทำ บ้างก็เป็นไปได้เหมือนกัน
ตัวอย่างเช่น AURA หรือ บริษัท ออโรร่า ดีไซน์ จำกัด (มหาชน)
- อธิบายสาเหตุ ราคาทองคำถึงขึ้น แล้วการขึ้นลงของราคาทองเกิดจากอะไร ?
- SAUCE หุ้นธุรกิจเรียบง่าย แต่ทำไมสร้างผลตอบแทน +41% ใน 1
- Margin of Safety ด้วย P/E Ratio ในแบบของมือใหม่
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์กสิกรไทย มองว่าราคาทองที่ขยับขึ้นมา จะส่งผลบวกต่อ AURA ในแง่ของความเชื่อมั่น
โดย ราคาทองที่สูงขึ้น จะทำให้กิจกรรมการขาทองคำเป็นไปอย่างราบรื่น และเป็นการสนับสนุนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในการลงทุนทองคำรูปพรรณ ซึ่งเป็นตัวแทนสถานะทางสังคม และแหล่งสะสมมูลค่า
ฝ่ายวิจัยเชื่อว่า ผลประกอบการของ AURA น่าจะเติบโต โดยไตรมาส 3 น่าจะรายงานกำไรสุทธิ 147 ล้านบาท เติบโต 9.1% YoY จากการขยายสาขา ต้นทุนทางการเงินที่แข่งขันได้ และสภาพเครือข่ายที่ใหญ่ขึ้น
ฝ่ายวิจัยยังมองอีกว่า ปัจจัยที่ทำให้หุ้น AURA เติบโตได้มาจาก 3 ปัจจัยหลัก คือ
1. การขยายตัวของธุรกิจสินเชื่อทองคำ ที่ดีกว่าคาด
2. อัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นจากการมีโมเดลธุรกิจใหม่ๆในธุรกิจทองคำ
3. การขยายสาขา ช่วยเพิ่ม Economy of Scale ให้กับบริษัท
ดังนั้น โดยภาพรวม ราคาทองคำที่ขึ้น ไม่ได้ส่งผลบวกหรือลบต่อร้านค้าทอง
แต่อาจจะส่งผลกระทบในเชิงบวก แง่ของความเชื่อมั่นว่าทองคำ คือ สินทรัพย์ที่เหมาะสมแก่การลงทุนระยะยาว และเปลี่ยนให้ธุรกิจขายทองมีความราบรื่นขึ้นได้ นั่นเอง ครับ