ผลตอบแทนไม่ธรรมดา มาจากการลงทุนที่ไม่ธรรมดา
นิยามของความไม่ธรรมดา อาจจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยี หุ้นเปลี่ยนโลก กระแสของหุ้นที่เติบโตแบบก้าวกระโดด
แต่ความเชื่อนี้อาจจะเป็นความเชื่อที่ผิด
เพราะหุ้นที่ทำธุรกิจธรรมดา ก็สามารถสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุนอย่างมากด้วยเหมือนกัน
หนึ่งในนั้น คือ หุ้น SAUCE หรือ บริษัท ไทยเทพรส จำกัด (มหาชน)
ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องปรุงรสอาหาร ภายใต้เครื่องหมายการค้า ภูเขาทอง ประกอบด้วยซอสปรุงรส ซอสพริก น้ำส้มสายชูกลั่น ซอสมะเขือเทศ ซอสพริกผสมมะเขือเทศ ซอสหอยนางรม ซีอิ๊วขาว ซอสผง ซีอิ๊วผง ซอสพริก ตราศรีราชาพานิช และซีอิ๊วญี่ปุ่น ตรา คินซัน นอกจากนี้ยังผลิตตามเครื่องหมายการค้าของลูกค้าด้วย
จุดเริ่มต้นของ "ไทยเทพรส" เริ่มต้นเมื่อ 69 ปีที่แล้ว หรือในปี พ.ศ. 2497 นายใช้ แซ่โค้ว ก่อตั้งห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคลโรงงานไทยเทพรส เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องปรุงอาหารภายใต้เครื่องหมายการค้าชื่อ "ภูเขาทอง" มีโรงงานอยู่ในพื้นที่ซอยเกษมสุวรรณ หรือสุขุมวิท 50 และก่อตั้งขึ้นบนความตั้งใจที่อยากมีซอสปรุงรสแบรนด์ไทยในมาตรฐานสากล
ในปี 2527 บริษัท ไทยเทพรส จำกัด (มหาชน) เข้าซื้อกิจการ "ศรีราชาพานิช" เจ้าของแบรนด์ ซอสพริกศรีราชา ที่มีอายุยาวนานกว่า 80 ปี ส่งออกไปกว่า 50 ประเทศทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน
... จนมาถึงช่วงปี 2530 ยุคของนายปริญญา วิญญรัตน์ ซึ่งเป็นประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการคนปัจจุบัน ได้จดทะเบียนเป็น บริษัท ไทยเทพรสผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด ก่อนจะจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ และแปรสภาพเป็นบริษัท มหาชน จำกัด เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2536
ปัจจุบัน ไทยเทพรส มีโรงงานผลิตอยู่ที่ จ.สมุทรปราการ และมีสินค้าในมือครอบคลุมการปรุงรสอาหารของคนไทย ตั้งแต่การทำอาหาร จนถึงการเหยาะจิ้ม มาถึงปัจจุบัน
ถ้าเราดูจากราคาหุ้นทีผ่านมาพบว่า ...
ในรอบ 6 เดือน ราคาหุ้นขึ้นมาแล้ว 27%
ในรอบ 10 เดือน ราคาหุ้นขึ้นมาแล้ว 35%
ในรอบ 12 เดือน ราคาหุ้นขึ้นมาแล้ว 41%
หรือถ้ามองระยะยาวแล้วจะพบว่าราคาหุ้นขึ้นมาแล้วส 82% ในรอบ 5 ปี
คำถาม คือ ทำไมธุรกิจที่ดูเรียบง่าย ถึงสร้างผลตอบแทนอย่างมากขนาดนี้
คำตอบ น่าจะมาจาก 4 เหตุผลหลักด้วยกันคือ
1. ผลประกอบการแข็งแกร่ง เติบโตสม่ำเสมอ
ถ้าเราไปดูผลประกอบการย้อนหลัง จะพบว่า ...
ปี 2562 บริษัทมีรายได้ 2.92 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 445.52 ล้านบาท
ปี 2563 บริษัทมีรายได้ 2.96 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 543.41 ล้านบาท
ปี 2564 บริษัทมีรายได้ 3.13 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 618.93 ล้านบาท
ปี 2565 บริษัทมีรายได้ 3.30 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 632.07 ล้านบาท
ผลประกอบการ 6 เดือน ปี 2566 บริษัทมีรายได้ 1.78 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 360.78 ล้านบาท
ข้อสังเกต คือ รายได้และกำไรแทบจะไม่ตกลงเลย แม้จะเจอกับวิกฤตโควิดในช่วงที่ผ่านมา
รายได้และกำไรเติบโตอย่างสม่ำเสมอ โดยรายได้เติบโตปีละ 5-7%
และกำไรสุทธิเติบโตราวๆ 10-15%
2. แบรนด์สินค้าที่แข็งแกร่ง
บริษัทอธิบายว่า สินค้าของบริษัทเป็นลักษณะที่ใช้แล้วหมดไป มีการซื้อกลับมาใช้ซ้ำเพราะเป็นที่คุ้นเคยของกลุ่มคนทำอาหารเป็นอย่างดี
มีสินค้าที่หลากหลาย ราคาไม่แพง
ถึงแม้เจอวิกฤตโควิด บริษัทกลับได้ประโยชน์ทีมากขึ้น กล่าวคือ คนอยู่บ้านทำอาหารกินเองมากขึ้น ทำให้ปริมาณการขายเครื่องปรุงรสของบริษัทมีแนวโน้มดีขึ้นมากด้วย
จากรายงานประจำปีของบริษัท พบว่า ในกลุ่มผู้ใช้ซอสปรุงรส 100 คน
มีคนใช้แบรนด์ภูเขาทอง ฝาเขียว 59 คน
รองลงมาเป็น แม็กกี้ ฝาเหลือง 24 คน
และเด็กสมบูรณ์ ฝาเขียว ราวๆ 6 คน ...
และยังมีรายงานอีกว่า กลุ่มคนที่ใช้ซอสปรุงรส มักจะกลับมาใช้แบรนด์เดิมซ้ำถึง 61% และเปลี่ยนใจลองแบรนด์ใหม่ราวๆ 39%
พูดง่ายๆ คือ ภูเขาทองกินส่วนแบ่งการตลาดมากที่สุด และลูกค้ามี Brand Royalty ค่อนข่างสูงมากในกลุ่มซอสปรุงรส
3. บริษัทมีหนี้สินต่ำ
จากข้อมูลสรุปข้อสนเทศบริษัทจดทะเบียนล่าสุด พบว่าบริษัทไม่มีหนี้สินระยะยาวเลย
และมีเงินสดอยู่ในมือราวๆ 500 ล้านบาท
ส่วนของผู้ถือหุ้นเพิ่มขึ้นทุกปี จากกำไรสะสมที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นต่ำมากอยู่ราวๆ 0.11 เท่า เรียกได้ว่าบริษัทแทบไม่มีหนี้สินเลย
4. อัตรากำไรสูง จ่ายเงินปันผลค่อนข้างดี
บริษัทมีกำไรขั้นต้นอยู่ราวๆ 37%
พูดง่ายๆคือ ทุกๆการขายของ 100 บาท หักต้นทุนแล้วบริษัทจะได้กำไรอยู่ที่ 37 บาท
ยิ่งไปกว่านั้น อัตรากำไรสุทธิของบริษัทอยู่ที่ 21% แสดงให้เห็นว่าบริษัทควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี
เมื่อเทียบจากราคาหุ้นระดับราคา 29 บาท เท่ากับว่าบริษัทจะมี Dividend Yield อยู่ที่ 5.52%
แต่ปัจจุบันราคาหุ้นของ SAUCE อยู่ที่ 40 บาท เท่ากับว่าจะมี Dividend Yield อยู่ราวๆ 4.13%
หุ้นที่จะสร้างผลตอบแทนให้กับนักลงทุน ไม่จำเป็นต้องเป็นหุ้นเปลี่ยนโลก
หรือหุ้นที่เติบโตแบบก้าวกระโดด
ขอเป็นธุรกิจที่เรียบง่าย มีกำไรสม่ำเสมอ ธุรกิจแข็งแกร่งแม้ช่วงที่เกิดวิกฤต
การลงทุนในสิ่งนั้น ก็สามารถสร้างผลตอบแทนที่เราคาดไม่ถึงได้เหมือนกัน
สุดท้าย อ่านมาถึงตรงนี้เราอาจจะสงสัยหรือได้ยินคำโฆษณาว่า ซอสปรุงรส "แต่ละฝา" มีความแตกต่างกันตรงไหน ?
เช่น ฝาเขียว ฝาเหลือง ฝาแดง ฝาส้ม
คำตอบ คือ ปริมาณส่วนผสมแตกต่างกัน และวัตถุประสงค์ที่ใช้ก็แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น
ซอสปรุงรสฝาเขียว จะมีปริมาณถั่วเหลือง 75% น้ำตาล 5% และเกลือ 4% แนะนำใช้กับเหยาะ ผัด หมัก ต้ม และตุ๋น
ซอสปรุงรสฝาเหลือง จะมีปริมาณถั่วเหลือง 84% น้ำตาล 5% และเกลือ 3% แนะนำใช้กับเหยาะจิ้มเพิ่มรสชาติ
ซอสปรุงรสฝาแดง จะมีปริมาณถั่วเหลือง 88% น้ำตาล 5% และเกลือ 2% แนะนำใช้กับเมนูตุ๋น หรือ ต้ม เพิ่มความหอมให้น้ำซุป
ซอสปรุงรสฝาน้ำตาล จะมีปริมาณถั่วเหลือง 63% น้ำตาล 7% และเกลือ 6% แนะนำสำหรับกลุ่มร้านอาหารที่เน้นเรื่องต้นทุน
ซอสปรุงรสอาหาร (ฝาส้ม)หรือซอสลุงหนวด จะมีปริมาณถั่วเหลือง 58% น้ำตาล 9% และเกลือ 6% แนะนำใช้กับเมนูผัด และปรุงรสเมนูไข่ต่างๆ
------------------------------------------------------------------------------
Reference
สรุปข้อสนเทศบริษัทจดทะเบียน : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
ผลประกอบการสำคัญ : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย