วันนี้ กระแสเงินซื้อขายหุ้น CPF เข้ามาอย่างโดดเด่น
โดยเช้าวันนี้ CPF 0.7 บาท ต่อหุ้นหรืออยู่ที่ราวๆ-3.5%
ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่า เกิดอะไรขึ้นกับหุ้น CPF ที่มีปริมาณการขายหุ้นเข้ามาอย่างโดดเด่น
ถ้าให้สรุปสั้นๆ คือ นักลงทุนน่าจะยังเห็นการขาดทุนอย่างต่อเนื่อง
และไม่ใช่การขาดทุนธรรมดา แต่เป็นการขาดทุนอย่างหนักถึง 3.04 พันล้านบาท
จากที่ขาดทุน 792 ล้านบาทใน 2Q66 ที่ผ่านมา จากสาเหตุสำคัญ 3 ประการด้วยกัน คือ
1. ราคาเนื้อสัตว์ในประเทศลดลงอย่างมาก เช่น ประเทศไทย ราคาหมูลดลง -34% YoY และราคาไก่ -13% YoY
2. การขาดทุนจากสินทรัพย์ชีวภาพ 1.8 พันล้านบาท
3. อัตรากำไรขั้นต้นลดลง
แต่ประเด็นเชิงบวก คือ ธุรกิจในจีนที่เริ่มฟื้นตัว รวมถึงธุรกิจค้าปลีกที่ฟื้นตัวจะทำให้ส่วนแบ่งกำไรเพิ่มสูงขึ้น
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เคจีไอ มองว่า การฟื้นตัวจะอยู่ที่ไตรมาส 4 ในปีนี้
โดยคาดว่าราคาเนื้อสัตว์จะเริ่มเห็นการฟื้นตัว และต้นทุนอาหารสัตว์ที่ลดลง จะผลักดันให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มสูงขึ้น
มองว่าทั้งปี 2566 น่าจะเป็น "ขาดทุนสุทธิ" อยู่ราวๆ 939 ล้านบาท
และจะกลับไปมีกำไรได้อีกครั้งในปี 2567 โดยฝ่ายวิจัยคาดว่าน่าจะมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.15 หมื่นล้านบาท
ฝ่ายวิจัย วิเคราะห์ว่า ราคาหุ้น CPF สะท้อนปัจจัยลบอ่อนแอไปมากแล้วเมื่อมองเทียบจากราคา
อีกทั้งไตรมาส 4 ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัว และจะกลับมามีกำไรได้ในปี 2567
ดังนั้นเป็นหุ้นที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม
- สรุป น้ำมันดิบแพงขึ้นมาก แต่กำไรสุทธิ PTTEP อาจลดลง
- สำรวจ OR ต่ำกว่าราคา IPO น่าสนใจแล้วหรือยัง ?
- สรุป TCAP อีกหนึ่งหุ้นปันผล ที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม
สอดคล้องกับมุมมองของบทวิเคราะห์หลักทรัพย์หยวนต้า ที่มองว่า
ราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงมาก น่าจะเกิดจากผลประกอบการของ CPF ในไตรมาส 3 น่าจะขาดทุน
โดยฝ่ายวิจัยมองว่า น่าจะขาดทุนอยู่ราวๆ -2.98 พันล้านบาท
หรือพูดง่ายๆ คือ การขาดทุนมากขึ้น
และโมเม้นตัมจะยังส่งผลสืบเนื่องไปยังไตรมาส 4 ปี 2566
หมายความว่า นักลงทุนจะยังเห็นผลการดำเนินงาน Q4 น่าจะยังเป็นผล "ขาดทุน" อยู่ ...
แต่เป็นการขาดทุนที่เริ่มเห็นการฟื้นตัว กล่าวคึอ ราคาเนื้อสัตว์น่าจะกลับมาฟื้นตัว สอดคล้องกับต้นทุนอาหารสัตว์ปรับตัวลดลง
รวมถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ น่าจะส่งผลต่อราคาเนื้อสัตว์ในประเทศให้ปรับตัวสูงขึ้น
ฝ่ายวิจัย มองว่า ถึงแม้งบ CPF จะอ่อนแอ แต่ไม่น่าจะเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว ...
การฟื้นตัวที่เริ่มชัดขึ้นในไตรมาส 4
จะส่งผลให้ทั้งปี 2567 บริษัทกลับมามีกำไรได้ โดยฝ่ายวิจัยคาดว่า ปี 2567 บริษัทน่าจะมีกำไร 6.2 พันล้านบาท
แต่ถ้าพิจารณาจากระดับราคาหุ้น ...
CPF ซื้อขายที่ P/BV 0.6 เท่า สะท้อนข่าวร้ายไปมาก และ Downside Risk ไม่มาก
เหมาะสำหรับนักลงทุนระยะยาว เป็นอย่างมาก
อนึ่ง เมื่อไม่นานมานี้ CPF ได้ขอยื่นคำขอจดทะเบียนหลักทรัพย์ CTI เข้าตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้
แต่เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2566 ทางบริษัทได้รับหนังสือขอเพิกถอนคำขอจดทะเบียนหลักทรัพย์ดังกล่าวแล้ว
เนื่องจากผลการดำเนินงานของ CTI ไม่เป็นไปตามเป้าจากราคาหมูในจีนที่อยู่ระดับต่ำกว่าที่คาดไว้
ถือเป็นข่าวร้ายของผู้ถือหุ้น CPF ที่ยังหาจุดต่ำสุดยังไม่เจอในแง่ของราคา
แต่ถ้าสรุปจากบทวิเคราะห์ เชื่อว่า ปี 2567 น่าจะเป็นปีที่ CPF จะกลับมามีกำไร
และเมื่อบริษัทกลับมามีกำไร อาจจะหมายถึงราคาหุ้นที่น่าจะกลับมาฟื้นตัวได้
------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เคจีไอ