เวลานักลงทุนจะดูพื้นฐานหุ้นสักตัว สิ่งแรกๆที่ต้องดู คือ รายได้เพิ่มขึ้นในทุกๆปีหรือไม่
ถ้าบริษัทมีรายได้เพิ่มมากขึ้น กำไรสุทธิก็จะมีแนวโน้มที่เพิ่มมากขึ้น ตามรายได้ที่เพิ่มขึ้น
แต่มีไม่บ่อยครั้งนัก ที่นักลงทุนจะเห็นรายได้ทรงตัว (หรือเกือบเท่าเดิม) แต่บริษัทกลับมีกำไรสุทธิที่เพิ่มมากขึ้น
หนึ่งในนั้น คือ SISB หรือ บริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน)
ประกอบธุรกิจโรงเรียนนานาชาติ ซึ่งใช้หลักสูตรการศึกษาของประเทศสิงคโปร์เป็นหลักสูตรพื้นฐาน
ปัจจุบันมีโรงเรียนนานาชาติภายในกลุ่มบริษัท 5 โรงเรียน
สิ่งที่น่าสนใจถ้าเราไปดูรายได้และกำไรสุทธิ จะพบว่า
ในปี 2562 บริษัทมีรายได้ 1.12 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 220 ล้านบาท
ในปี 2563 บริษัทมีรายได้ 1.07 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 159 ล้านบาท
ในปี 2564 บริษัทมีรายได้ 1.07 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 208 ล้านบาท
ในปี 2565 บริษัทมีรายได้ 1.34 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 370 ล้านบาท
ข้อสังเกต จากตัวเลขที่กล่าวมา จะเห็นได้ว่ารายได้แทบจะเรียกว่าทรงตัว เช่นในปี 2563 และปี 2564 ที่มีรายได้อยู่ราวๆ 1.07 พันล้านบาท แต่กำไรสุทธิกลับกระโดดจาก 159 ล้านบาท ไปเป็น 208 ล้านบาท
และในปี 2565 ที่บริษัทมีรายได้ 1.34 พันล้านบาท แต่กำไรสุทธิกลับเพิ่มมากถึง 370 ล้านบาท
พูดง่ายๆ คือ กำไรสุทธิเติบโตในอัตราเร่งมากกว่าการเติบโตของรายได้
และยิ่งเพิ่มมากขึ้นเมื่อดูผลประกอบการล่าสุด
ใน 6 เดือน ปี 2566 รายได้อยู่ที่ 870 ล้านบาท และกำไรสุทธิสูงถึง 315 ล้านบาท
คำถาม คือ รายได้ของ SISB ทรงตัว แต่ทำไมกำไรสุทธิของบริษัทกลับเพิ่มขึ้น ?
คำตอบ คือ บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิ (Net Margin) ที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างมากด้วยนั้นเอง
จากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ ตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปี 2564 บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ราวๆ 19.5%
แต่พอมาปี 2565 บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 27.4%
และยิ่งเพิ่มมากขึ้นในปี 2566 บริษัทมีอัตรากำไรสุทธิสูงมากถึง 36.15%
- สรุป SC บริษัทที่มีรายได้หลักจากการขายบ้าน เป้าหมายใหม่ คือ Recurring Income ที่มากขึ้น
- Richcession ภาวะถดถอยของคนรวย เมื่อคนรวยกำลังได้รับผลกระทบหนัก
- รู้จัก TACC ผู้ผลิตเครื่องดื่ม ในโถกด และ All Cafe ให้กับ 7-Eleven
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เคจีไอ วิเคราะห์ผลประกอบการล่าสุดของ SISB พบว่า ..
1. SISB มีจำนวนนักเรียนเพิ่มมากขึ้น 110 คน
จากเดิม 3,284 คน ในไตรมาส 1 ปี 2566 มาเป็น 3,394 คน ในไตรมาส 2 ปี 2566
2. SISB สามารถปรับค่าเล่าเรียนให้เพิ่มสูงขึ้นได้
โดยเฉพาะกลุ่มนักเรียนที่มีการเลื่อนชั้นไปยังกลุ่มที่สูงขึ้น
3. SISB สามารถจัดการสัดส่วนค่าใช้จ่ายได้ดี โดยเฉพาะ SG&A ต่อรายได้ ที่มีแนวโน้มลดลง
พูดง่ายๆ คือ บริษัทมีรายได้มากขึ้น ในขณะที่ควบคุมค่าใช้จ่ายเรื่องของบุคลากรได้เป็นอย่างดี
ซึ่งส่วนนี้ ทำให้อัตรากำไรของ SISB เพิ่มสูงขึ้นอย่างมาก
อ่านมาถึงตรงนี้ เราอาจจะสงสัยว่า แล้วหลังจากนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป ?
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เคจีไอ วิเคราะห์ว่า SISB จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ไม่ว่าจะเป็นจำนวนนักเรียนที่เพิ่มขึ้น
และการเปิดโรงเรียนใหม่เพิ่มอีก 2 แห่ง คือ สาขาระยอง และสาขานนทบุรี จะช่วยหนุนกำไรของบริษัทให้เติบโตต่อไปในระยะยาว
แน่นอนว่า SISB เป็นหุ้นเติบโตชัดเจน และน่าสนใจมากในแง่ของอัตรากำไรสุทธิที่อยู่ในระดับสูง
แม้จะเป็นช่วงโควิด ก็สามารถฝ่าวิกฤตมาได้
แต่เราต้องไม่ลืมว่า ด้วยราคาหุ้นในรอบ 8 เดือนที่ผ่านมา ขึ้นมาแล้วกว่า 73%
ด้วยระดับ P/E ที่สูงถึง 59 เท่า และ P/BV 13 เท่า
ถือว่าเป็นหุ้นที่ความคาดหวังค่อนข้างสูง และรับรู้ปัจจัยบวกไปมากพอสมควร
หรือพูดอีกอย่างหนึ่ง คือ การเติบโตของ SISB มีความชัดเจน
และนักลงทุนก็มี Positive ไปมากแล้วระดับหนึ่ง
ดังนั้น SISB เป็นหุ้นที่น่าเอามาศึกษา แต่ต้องใช้ความระมัดระวังให้มากขึ้น ครับ ...
------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เคจีไอ