เมื่อวานตลาดหุ้นไทยพุ่งแรง
สาเหตุหลักๆมาจากการเมืองชัดเจน ได้โฉมหน้ารัฐบาลพร้อมกับตัวนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 คือ คุณเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย
หลังจากนี้ จะเป็นเรื่องของการโปรมเกล้าแต่งตั้ง และดำเนินการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีต่อไป
ซึ่งกระบวนการทั้งหมดน่าจะเสร็จสิ้น และการเข้ามาบริหารงานของรัฐบาลชุดใหม่
ภายในต้นเดือนกันยายน ที่จะถึงนี้
พูดง่ายๆ คือ ประเด็นเรื่องการเมือง ผ่อนคลายลง
มีความชัดเจนมากขึ้น
แต่เราจะสรุปเอาว่า ตลาดหุ้นต้องขึ้นต่อไป ก็อาจจะไม่ถูกต้องสักเท่าไรนัก
ทำไมถึงเป็นแบบนั้น
คำตอบน่าจะมาจาก 3 ประเด็นด้วยกันคือ
1. SET Index จะขึ้นต่อได้ต้องอาศัย FundFlow เป็นหลัก
ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยขึ้นต่อได้ยาก น่าจะมาจากปัจัยภายนอกเป็นหลัก
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการปรับลดอันดับเครดิตความน่าเชื่อถือตราสารหนี้ระยะยาวของสหรัฐ รวมถึงเศรษฐกิจของสหรัฐอาจจะเข้าสู่สภาวะ Recession ได้ในอนาคต
- สรุป 2 หุ้นกลุ่มชินวัตร SC - PR9 ส่องพื้นฐานน่าสนใจแค่ไหน ?
- สรุป TRUE นักลงทุนจะเห็นกำไรเมื่อไร ?
- 3 ข้อต้องรู้...จัดพอร์ตลงทุนให้ดี
2. GDP ของจีนและไทย ออกมาไม่ดีเท่าที่ควร
เมื่อไม่นานมานี้ GDP ของจีนถูกประกาศออกมา ส่งสัญญาณชะลอตัวชัดเจน และยังไม่มีท่าที่เรื่องของการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างที่นักลงทุนคาดหวังเอาไว้
... รวมถึง GDP ประเทศไทยที่ประกาศออกมา ไตรมาส 2 เติบโตเพียงแค่ +1.8% YoY เท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ในหลายสำนัก
ทำให้ภาพรวม GDP ของไทยอาจจะถูกปรับลดลงได้อีก ในอนาคต
3. อาจจะเกิดเหตุการชุมนุมทางการเมืองนอกสภา
ต้องยอมรับว่าการได้มาของรัฐบาลในครั้งนี้ สร้างความไม่พอใจให้กับกลุ่มคนบางกลุ่มที่ตั้งคำถามว่า ทำไมพรรคที่ได้อันดับ 1 อย่างพรรคก้าวไกล ถึงไม่ได้จัดตั้งรัฐบาล แต่ถูกผลักไปเป็นฝ่ายค้าน
ในขณะที่พรรคอันดับ 2 อย่างพรรคเพื่อไทย ได้เป็นรัฐบาลพร้อมกับการผิดคำสัญญาหลายอย่าง เช่น ไม่รวมกับพรรคพลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ
แต่พอถึงเวลาจริงๆ กับรวมทั้งสองพรรคนี้เข้าไปด้วย สร้างความไม่พอใจต่อประชาชนจำนวนมาก
ดังนั้น สิ่งที่นักลงทุนต้องกังวล คือ ท่าที่การเคลื่อนไหวของกลุ่มชุมนุมทางการเมืองต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยก็ไม่ได้มีแต่ Sentiment เขิงลบอย่างเดียว
เพราะการได้มาของรัฐบาล เท่ากับว่าเศรษฐกิจไทยอาจจะได้รับการกระตุ้นเศรษฐกิจจากการดำเนินนโยบายหลายอย่างตามที่หาเสียงไว้ เช่น การแจกเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เงินเดือนเริ่มต้นปริญญาตรี เพิ่มราคาพืชผลการเกษตร
สิ่งเหล่านี้ ล้วนเป็น Sentiment เชิงบวกต่อเศรษฐกิจและต่อตลาดหุ้น
แต่สิ่งที่ต้องคิดต่อไป คือ จะมาเมื่อไร
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส มองว่านโยบายเหล่านี้ จะเริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่างน่าจะช่วงครึ่งปีแรกของปี 2567
ไม่ใช่เร็วๆนี้อย่างที่คาดหวังกัน
ตลาดหุ้นไทย มีความชัดเจนทางการเมืองก็จริง
แต่จะหวังให้ขึ้นต่อไปได้ไกล ก็อาจจะเป็นเรื่องที่ยากอยู่เหมือนกันครับ ...
------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส