ถึงแม้ว่าผลประกอบการ ไตรมาส 2 ปี 2566 จะออกมาไม่ดีเท่าไรนัก
โดยขาดทุนหนักถึง 2.31 พันล้านบาท
โดยหลักๆมาจากรายการพิเศษเป็นส่วนใหญ่ 
และผลการดำเนินงานก็แย่ลงทุนธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์เคลื่อนที่ รายได้จากอินเตอร์เน็ตบ้าน และ TRUE Vision ก็ลดลง

แต่สิ่งหนึ่งที่เราไม่ควรมองข้าม คือ EBITDA
โดย EBITDA ของ TRUE ใน 2Q66 อยู่ที่ 22.32 พันล้านบาท
มากกว่า 1Q66 ที่ทำได้ 19.45 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น qoq)
และมากกว่า 2Q65 ที่ทำได้ 22.24 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น yoy)

พูดง่ายๆ คือ ผลประกอบการในแง่ลบ ที่มีสัญญาณเชิงบวกอยู่บ้าง 
แสดงให้เห็นว่า TRUE และ DTAC มีการ Synergy กันมากขึ้น
คำถาม คือ เราจะเห็นผลประกอบการของ TRUE กลับมามีกำไรเมื่อไร
คำตอบ คือ ในปี 2568

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เมย์แบงก์ วิเคราะห์ว่าผลประกอบการล่าสุด น่าผิดหวังก็จริง
แต่ตลาดก็รับรู้ไปมากพอสมควรแล้ว โดยราคาหุ้น -6% หลังประกาศผลประกอบการ
ฝ่ายวิจัย มองว่าไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ของปี 2566 นักลงทุน่าจะเห็นผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง จากรายได้ที่เพิ่มขึ้น การควบคุมต้นทุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึงการาแข่งขันที่ลดความรุนแรงลงส่งผลดีต่อทั้งกลุ่ม

• สรุปผลประกอบการ TRUE งบที่แย่กว่าคาด กับสัญญาณเชิงบวกที่มากขึ้น
• สรุป AAV ผลประกอบการกำลังดีขึ้นเรื่อยๆ 
• สรุป CPAXT ผลประกอบการที่ทรงตัว แต่ทำไมนักลงทุนถึงผิดหวัง ? 

อย่างไรก็ตาม ไตรมาส 3 นักลงทุนน่าจะเห็นการขาดทุนของ TRUE อีกราวๆ 1-2 พันล้านบาท ลดลงจากขาดทุนในไตรมาส 2 ปี 2566
และจะกลับมาเห็นกำไรราวๆ 388 ล้านบาท ในปี 2568
รวมถึงกำไรจะกลับมาเติบโตมากถึง 6.1 พันล้านบาท ในปี 2569 ซึ่งถือเป็นการ Turnaround ของหุ้นจากที่ขาดทุนในช่วงปี 2566 และปี 2567

ฝ่ายวิจัย มองว่า หุ้น TRUE ซื้อขายที่ EV/EBITDA ที่ 8.8 เท่า ถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปี
และยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยก่อนรวมกิจการ
มองว่าราคาหุ้นที่ปรับลดลงมามาก สะท้อการมองโลกในแง่ร้ายไปแล้วระดับหนึ่ง
และฝ่ายวิจัยก็เชื่อว่า TRUE ได้ผ่านช่วงที่เลวร้ายที่สุดไปแล้ว

นักลงทุนพร้อมกลับมาเห็นกำไรอีกครั้งในปี 2568 ที่จะถึงนี้ครับ
เพียงแต่อาจจะต้องรอ และมองระยะยาวกันสักหน่อยครับ

------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เมย์แบงก์