ผลประกอบการของ SCGP ออกมาเป็นที่เรียบร้อย
คำอธิบายแบบภาพรวมและสั้นที่สุด คือ น่าประทับใจ ...
แต่ถ้าจะให้อธิบายแบบยาวๆ มีจุดที่โดดเด่น อยากอธิบายสั้นๆ แบบนี้ครับ
1. ผลประกอบการ 2Q66 มีรายได้ 3.22 หมื่นล้านบาท ลดลง -15% YoY และ -4% QoQ
ในขณะที่กำไรสุทธิ อยู่ที่ 1.48 พันล้านบาท ลดลง -20% YoY แต่ +22% QoQ
2. พูดง่ายๆ คือ รายได้ลดลง แต่กำไรสุทธิกลับมากขึ้น
และเพิ่มขึ้นเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน ถือเป็นสัญญาณเชิงบวก
อย่างไรก็ตาม กำไรสุทธิ 6 เดือน ของปี 2566 อยู่ที่ 2.7 พันล้านบาท น้อยกว่า 6 เดือน ของปี 2565 อยู่ที่ 3.51 พันล้านบาท หรือคิดเป็นการลดลงประมาณ -23% YoY
3. รายได้หลัก 3 กลุ่มของ SCGP ประกอบไปด้วย
... สายธุรกิจบรรจุภัณฑ์ รายได้ 2.41 หมื่นล้านบาท ลดลง 5% QoQ
... สายธุรกิจเยื่อกระดาษ รายได้ 6.4 พันล้านบาท ทรงตัว
... ธุรกิจรีไซเคิล เป็นธุรกิจใหม่มีการรับรู้รายได้ปีนี้ รายได้ 1.7 พันล้านบาท
4. จากคำอธิบายผลประกอบการบอกว่า ด้วยเศรษฐกิจในอาเซียนที่ฟื้นตัว โดยเฉพาะไทยและเสียดนามที่ได้รับแรงขับเคลื่อนจากการท่องเที่ยวและการบริโภค ทำให้ผลประกอบการฟื้นตัวเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน
5. ถึงแม้รายได้ลดลง -15% แต่ต้นทุนขายลดลง -16%
และ SG&A ลดลง -11% จากสาเหตุที่ต้นทุนวัตถุดิบและต้นทุนพลังงานลดลง ถือเป็นปัจจัยบวกให้ อัตรากำไรขั้นต้นออกมาดูดี (อัตรากำไรขั้นต้น = 18%)
6. ธุรกิจที่โดดเด่นในไตรมาสนี้ คือ ธุรกิจ Fibrous Chain จากบรรจุภัณฑ์อาหารที่ดีขึ้น และยอดขาย Dissolving Pulp ในประเทศจีนที่เพิ่มขึ้น
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส แสดงความคิดเห็นว่า ในครึ่งปีหลัง SCGP ยังมีโมเม้นตัมเชิงบวกอยู่ โดยเฉพาะเรื่องของราคาพลังงานที่ลดลง ต้นทุนการผลิตลดลง ถือเป็นสัญญาณเชิงบวกที่น่าสนใจในครึ่งปีหลังที่เหลืออยู่
ยิ่งไปกว่านั้น SCGP ยังมีการเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน Fajar ธุรกิจ Packaging Paper .นอินโดนีเซีย
เมื่อไม่นานมานี้ SCGP ใช้เงินลงทุนกว่า 2.32 หมื่นล้านบาท เข้าซื้อหุ้น 44.48% ใน Fajar หนึ่งในผู้ผลิต Packaging Paper ที่มีกำลังการผลิต 1.8 ล้านตันต่อปี
ซึ่งก่อนหน้านี้ SCGP ได้ถือหุ้นไปแล้ว 55.23%
ทำให้การถือหุ้นรวมครั้งนี้ เพิ่มเป็นสัดส่วน 99.71%
นอกจากนี้ SCGP ได้มีการเพิ่มกำลังการผลิตกระดาษ VKPC ที่เวีนดนาม กำลังการผลิต 3.7 แสนตัดต่อปี ใช้เงินไปกว่า 1.17 หมื่นล้านบาท
- สรุป M ปรับตัวให้เติบโต ในวันที่ลูกค้าไม่นั่งทานในร้านเหมือนเดิม
- สรุป CPALL นักลงทุนกำลังจะเห็นผลประกอบการที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
- ทำไม BCH บทวิเคราะห์ถึงมองว่าเป็นหุ้นโรงพยาบาลที Valuation ไม่แพง ?
โดยภาพรวม คือ ออกมาดีและใกล้เคียงกับที่ Consensus วาดเอาไว้
ที่น่าสนใน คือ กำไรเพิ่มขึ้นเป็นไตรมาสที่ 2 ติดต่อกัน เป็นสัญญาณของการฟื้นตัวอย่างเด่นชัดรับปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจอาเซียนฟื้นตัว หนุนการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น
ขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบและค่าพลังงานที่ลดลง จะช่วยเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นให้สูงขึ้น
พูดง่ายๆคือ ภาพของการเติบโต SCGP เริ่มชัดขึ้น และแสดงศักยภาพที่แท้จริงออกมา
ภาพครึ่งปีหลังยังออกไปในโทนบวก
อีกทั้งการลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะอินโดนีเซียและเวียดนาม ที่มีประชากรจำนวนมากจะช่วยเพิ่มศักยภาพการเติบโตของ SCGP ให้สูงยิ่งขึ้นไปอีก
ถือเป็นหุ้นที่นักลงทุนต้องจับตากันไว้ให้ดีครับ ...
อนึ่ง SCGP ประกาศจ่ายเงินปันผล 0.25 บาทต่อหุ้น ขึ้น XD วันที่ 8 สิงหาคม 2566
และจ่ายเงินปันผลวันที่ 22 สิงหาคม 2566
------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส
คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการไตรมาสที่ 2/2566 : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย