อุตสาหกรรมหนึ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจอย่างมาก เชื่อว่าต้องมี "กลุ่มค้าปลีก" อยู่ในนั้น
โดยภาพรวมน่าจะออกไปในทางบวก จากการจับจ่ายใช้สอยที่มากขึ้นและเทศกาลเลือกตั้งในไตรมาส 2 น่าจะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจไทยให้ดูดีขึ้นมาได้
แต่คงไม่ใช่สำหรับ CPAXT (เปลี่ยนชื่อมาจาก MAKRO) หุ้นค้าส่งและค้าปลีกในเครือของ CP ที่ผลประกอบการอาจจะไม่ได้เติบโตอย่างที่นักลงทุนคาดหวังเอาไว้
คำถาม คือ มีปัจจัยอะไรที่จะกดดันผลประกอบการของ CPAXT
คำตอบ น่าจะเป็นเรื่องของธุรกิจค้าส่งกดดันมาร์จิ้นให้ต่ำลง การฟื้นตัวที่ช้าเกินไปของ Lotus's และดอกเบี้ยจ่ายที่ยังสูงอยู่
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์อินโนเวสท์ เอกซ์ วิเคราะห์ว่าผลประกอบการของ CPAXT น่าจะลดลงในไตรมาส 2 และจะเป็นไตรมาสต่ำสุด หลังจากนั้นภาพจะเป็นการฟื้นตัวอย่างช้าๆ
โดยมองว่าไตรมาส 2 ที่จะถึงนี้ CPAXT จะรายงานกำไรสุทธิ 1.68 พันล้านบาท เติบโต 7% YoY แต่ลดลง -31% QoQ จากสาเหตุเรื่องของรายจ่ายพิเศษ 186 ล้านบาท ต้นทุนดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นแต่จะเริ่มรีไฟแนนซ์ไปบางส่วนแล้ว (คาดว่าปี 67 จะจ่ายน้อยลงกว่านี้มาก) รวมถึงเรื่องของปัจจัยฤดูกาลจากทั้งธุรกิจ B2B และธุรกิจ B2C
1. ธุรกิจค้าส่ง Makro (B2B)
บทวิเคราะห์มองว่า กำไรปกติจะอยู่ที่ 1 พันล้านบาท ลดลงค่อนข้างมากจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายในการเพิ่มขึ้น ดอกเบี้ยจ่ายสูงขึ้น ในขณะที่ยอดขายต่อสาขาลดลง
2. ธุรกิจค้าปลีก Lotus's (B2C)
บทวิเคราะห์มองว่า กำไรปกติจะอยู่ที่ 680 ล้านบาท เติบโตอย่างมากจากฐานต่ำในปีที่แล้ว จากดอกเบี้ยจ่ายลดลง หนี้สินลดลงหลังมีการปรับโครงสร้างหนี้
ทั้งนี้เมื่อรวมทั้ง 2 ธุรกิจเข้าด้วยกัน ประสิทธิภาพของยอดขายและกำไรปรับตัวดีขึ้น แต่อาจะน้อยกว่าที่ตลาดคาดหวังไว้ว่าจะทำได้มากกว่านี้
สาเหตุเป็นเพราะว่ายอดขายของ Lotus's ฟื้นตัวช้า ยอดขายต่อสาขาลดลง และมาร์จิ้นในภาพรวมที่ลดลง
อย่างไรก็ตาม ภาพของการฟื้นตัวจะเป็นไปอย่างช้าๆโดยเฉพาะครึ่งหลังของปี 2566 และดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงอย่างมากในปี 2567 จะทำให้ผลประกอบการของ CPAXT โดยรวมดีขึ้น
พูดง่ายๆ คือ นักลงทุนจะเห็น Synergy อย่างเต็มที่ในปี 2567 นั่นเอง
- ส่องผลประกอบการ MAKRO ในวันที่ค้าปลีกกำลังกดดันผลประกอบการ
- สรุปประเด็น OR Growth Story ที่มาจากธุรกิจ Mobility และ Lifestyle
- สรุปประเด็น SPA ทำอย่างไรให้รายได้โต ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยที่ผันผวน
สอดคล้องกับบทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส วิเคราะห์ว่าผลประกอบการไตรมาส 2 มีแนวโน้มชะลอตัวลงจากค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น และมาร์จิ้นในภาพรวมที่ลดลง
ทั้งนี้ความคาดหวังถูกเทไปในครึ่งปีหลังที่จะเห็น CPAXT มีผลประกอบการที่ดีขึ้นจากการจับจ่ายใช้สอยช่วงท้ายปี อัตรากำไรขั้นต้นในค้าปลีกที่จะเติบโตโดดเด่น และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ (ผลของการ Synergy)
และที่สำคัญที่สุด คือ ดอกเบี้ยจ่ายลดลง
จะผลักดันให้ผลประกอบการในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มดูดีกว่าครึ่งปีแรก
ทั้งนี้ บทวิเคราะห์มองว่า ผลประกอบการของ CPAXT ไตรมาส 2 น่าจะเป็นจุดต่ำสุดและฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง
อย่างไรก็ตาม ถ้าเราดูราคาหุ้นจะพบว่าปรับตัวลดลงมาแล้วกว่า -18% ภายใน 7 เดือน เป็นการสะท้อนว่าราคาหุ้นสะท้อนความกังวลไปแล้วพอสมควร
ดังนั้น ทั้ง 2 บทวิเคราะห์จึงมองตรงกันว่า ความกังวลถูกรับรู้ไปพอสมควร หลังจากนี้ภาพของการฟื้นตัวของ CPAXT มีแนวโน้มดูดีขึ้นเรื่อยๆ
จึงเป็นหุ้นที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม ครับ ...
------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส