เมื่อวานถ้านักลงทุนได้ติดตามตลาดจะพบว่าหุ้นกลุ่ม CP ร่วงลงมาค่อนข้างหนัก
CPALL -2%, CPF -3% 
และที่หนักกว่านั้นคือ TRUE และ DIF ที่ลดลงไปกว่า 8% และ 10% ตามลำดับ ..

ถ้าให้อธิบายแบบสั้นๆ คือ นักลงทุนกำลังกังวลกับ TRUE และ DIF อย่างมาก 
เรื่องของ TRUE คือ การยังไม่เห็นสัญญาณของการพลิกกลับมามีกำไร
ส่วน DIF คือ สินทรัพย์บางส่วนอาจจะต้องหยุดเช่า เพื่อลดความซ้ำซ้อน

แต่ถ้าให้อธิบายแบบยาวขึ้นมา น่าจะมีความกังวลอยู่ 6 ข้อด้วยกัน คือ 
1. ผู้ถือหน่วย DIF จะไม่ได้รับสิทธิพิเศษทางภาษี 10% เพราะอายุครบ 10 ปีแล้ว
2. มีแนวโน้มว่า DTAC จะยกเลิกสัญญาเช่าเสากับ DIF ในปี 2567 
3. มีแนวโน้มว่า TRUE จะยกเลิกสัญญาใช้ DIF ไปใช้เสา DTAC แทน
4. การปรับโครงสร้างเงินกู้เป็น Float rate ทำให้ภาระดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น
5. กองทุนต้องทยอยคืนหนี้สิน กดดันการจ่ายปันผล
6. TRUE อาจจะมีเรื่องของการเพิ่มทุนเข้ามาเกี่ยวข้อง

• สรุป PTT การเข้าสู่ New Growth Life Science และ EV Value Chain คืออะไร ? 
• TRUE กับความคาดหวัง Synergy ที่นักลงทุนยังมองไม่เห็น ? 
• รู้จัก KCG ผู้ผลิตเนยและชีสเบอร์ 1 ของไทย กำลังจะ IPO เร็วๆนี้

คำถาม คือ จากความกังวล 6 ข้อที่กล่าวมา เป็นเรื่องที่นักลงทุนต้องกังวลมากน้อยแค่ไหน
คำตอบ คือ กังวลได้ แต่ความกังวลที่กล่าวมาไม่ใช่ประเด็นใหม่แต่อย่างใด และมีผลกระทบที่จำกัด
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์หยวนต้า วิเคราะห์ว่า
1. การหมดสิทธิพิเศษทางภาษี เป็นเรื่องที่ตลาดรับรู้อยู่แล้ว
2. DTAC ยกเลิกสัญญาเช่ากับ DIF จะกระทบรายได้ 3% และปันผลราวๆ 0.03 บาทต่อปี 
3. การปรับโครงสร้างหนี้ สำหรับ 2Q66 จะเพิ่มขึ้นไม่มากเพราะมีการ Refinance หนี้สิน 1.2 หมื่นล้าน ตั้งแต่ปีที่แล้ว
สำหรับหนี้สินระยะยาว ยังเป็นเรื่องระยะยาวและเวลาคืนหนี้ยังมีอีกหลายปี 
เราจะเห็นการ Refinance ของกลุ่มอีกครั้ง ดังนั้นน่าจะกระทบไม่มาก

4. เรื่องของการเพิ่มทุน และ TRUE ยกเลิกสัญญาเช่า DIF 
ทางฝ่ายวิจัย สอบถามทางบริษัทพบว่าข่าวงดังกล่าว ไม่เป็นความจริง
อีกทั้ง ไม่มีนโยบายจะขายเงินลงทุนใน DIF ในระยะสั้น 
ดังนั้น แรงขายที่เกิดขึ้น น่าจะมาจากการปรับ Port ของนักลงทุนท่ามกลางสภาวะตลาดที่เบาบาง มากกว่าจะมีความกังวลเรื่องพื้นฐาน

บทวิเคราะห์ มองว่า หุ้น TRUE ปรับลดลงแรงเกินไป ถ้ามองจากราคาหลังการควบรวมกับ DTAC ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาแล้วกว่า -30% จึงมองเป็นโอกาสมากกว่า
อีกทั้ง ฝ่ายวิจัยเชื่อมั่นว่า ผลประกอบการจะเริ่มปรับตัวดีขึ้น และการแข่งขันในอุตสาหกรรมน่าจะลดความรุนแรงลง

ถือเป็นประเด็นที่ต้องติดตามกันต่อไปอย่างใกล้ชิดครับ ...

------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์หยวนต้า

กรุงเทพธุรกิจออนไลน์