ผลประกอบการเต็มปีของ VGI ออกมาไม่น่าประทับใจเท่าที่ควร
โดยบริษัทมีผลขาดทุนสุทธิในปี 2566 อยู่ที่ 64.8 ล้านบาท ลดลงจากปี 2565 ที่มีผลขาดทุนสุทธิสูงถึง 120.26 ล้านบาท

พูดง่ายๆ คือ ผลประกอบการแย่กว่าที่ตลาดคาดเอาไว้พอสมควร
และราคาหุ้นก็ปรับตัวลงไปมากถึง -40% เข้าไปแล้ว
ส่วนหนึ่งที่ผลประกอบการออกมาแย่ 
มาจากส่วนแบ่งขาดทุนจากบริษัทที่ VGI เข้าไปถือหุ้นอย่าง KEX และ JMART 
โดย VGI ถือหุ้น KEX อยู่ 15.45% และ
ถือหุ้น JMART อยู่ 13.6% ซึ่งขาดทุนหนักทั้งคู่ 
KEX ขาดทุนไป 787 ล้านบาท
และ JMART ขาดทุน 294 ล้านบาท

แต่การจะบอกว่า VGI ผลประกอบการไม่ดีในภาพรวม ก็อาจจะด่วนสรุปเกินไป
เพราะถ้าเราดูจากผลประกอบการที่บริษัททำได้ ถือว่ามีแนวโน้มในเชิงบวก เช่น 
... รายได้อยู่ที่ 4.88 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.6% 
ในขณะที่ต้นทุนเพิ่มขึ้น 10% 
... อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น โดย VGI ทำได้ 27.4% จากเดิม 23.5% บ่งบอกถึงพัฒนาการเชิงบวก
... รายได้อื่นๆ เพิ่มขึ้น 170% โดยรายงานบอกว่ามาจากการจำหน่ายเงินลงทุนใน KEX และ JMART ร่วมถึงเงินปันผลจาก PLANB

• "เคอรี่" กำลังมีผลประกอบการที่ขาดทุนหนักกว่าเดิม 
• สรุปประเด็น JMART ในวันที่บริษัทลูกกำลังกดดันผลประกอบการ
• เกิดอะไรขึ้นกับ ANAN ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่ราคาหุ้นร่วง 35% ใน 5 เดือน

คำถาม คือ ในปีนี้ VGI ภาพของผลประกอบการจะออกมาเป็นอย่างไร ? 
บทวิเคราะห์หลักทรัพยกรุงศรี มองว่าผลประกอบการล่าสุดที่ออกมาค่อนข้างอ่อนแอ และแนวโน้มข้างหน้าก็ดูไม่สดใสโดยเฉพาะบริษัทในเครืออย่าง KEX และ JMART 
ทั้งนี้ VGI ตั้งเป้าอัตราการเติบโตอยู่ราวๆ 30% โดยจะผลักรายได้ให้เป็น 6.5 พันล้านบาท 
และตั้งเป้า Net Margin อยู่ที่ 10% ซึ่งจะอยู่ที่ราวๆ 650 ล้านบาท 
ในขณะที่บทวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ราวๆ 484 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม บทวิเคราะห์ยังฝากข้อสังเกตอีกด้วยว่า
ด้วยราคาหุ้น VGI ที่ลงมามาก (ฝ่ายวิจัยมองว่าราคาไม่แพง)
ต่อให้ตัดมูลค่าของ KEX และ JMART ออกไป มูลค่าของ VGI อย่างเดียวก็เกินกว่าราคาหุ้นในปัจจุบันแล้ว

ถือเป็นอีกมุมมองหนึ่งที่ฝากให้นักลงทุนได้ขบคิดกันต่อไปครับ ...

------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพยกรุงศรี

คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย