ผลประกอบการของ GLOBAL ประจำไตรมาส 1 ปี 2566 ออกมาเป็นที่เรียบร้อย
ถ้าให้พูดสั้นๆ ต้องยอมรับว่าอยู่ในระดับ ที่ไม่น่าประทับใจเท่าไรนัก
บริษัทมีกำไรสุทธิ 882 ล้านบาท ลดลง -24% YoY แต่เพิ่มขึ้น +67% QoQ
ในขณะที่รายได้บริษัท ทำได้ 9.1 พันล้านบาท ลดลง -7.15% YoY
พูดง่ายๆคือ รายได้ลด และกำไรก็ลดลง ในภาพรวม
สาระสำคัญของผลประกอบการครั้งนี้ ...
1. รายได้ที่ลดลงจากสภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และการปรับลดราคาสินค้ากลุ่มเหล็กตามราคาตลาดโลก ส่งผลให้ยอดขายและกำไรขั้นต้นลดลง
2. กำไรขั้นต้นลดลง เหลือ 25% จากที่เคยทำได้ราวๆ 26.12%
3. มีการขาดทุนจากการด้อยค่าของสินทรัพย์ 5 ล้านบาท (รายการพิเศษ)
4. ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น จากการเพิ่มขึ้นของเงินเดือนพนักงาน
5. ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ EBITDA Margin ลดลงเหลือ 16.19% จากที่เคยอยู่ราวๆ 18.52%
6. บริษัทเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 2 แห่ง ทำให้มีสาขารวม 79 แห่ง
โดยสรุป GLOBAL ได้รับผลกระทบจากยอดขายและ Margin ที่ลดลง
ส่งผลให้กำไรสุทธิลดลงเหลือเพียง 882 ล้านบาท
- ประเด็น Shortfall กำลังกดดันหุ้น PTT
- รู้จัก KLINIQ คลินิกความงาม 9 พันล้าน ที่นักลงทุนกำลังจะเห็นกำไร All Time High
- SCCC กำลังมีสัญญาณของผลประกอบการที่ฟื้นตัว
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์อินโนเวสท์ เอกซ์ วิเคราะห์ว่าผลประกอบการของ GLOBAL ค่อนข้างอ่อนแอ และอาจจะลากยาวไปตลอดปี 2566 ที่นักลงทุนจะเห็นมาร์จิ้นที่อ่อนแอ และยอดขายต่อสาขาที่ทรงตัว ไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างที่คาดหวัง
บทวิเคราะห์มองว่า GLOBAL ไตรมาส 2 น่าจะหดตัวลงได้อีกทั้งยอดขายและกำไร จากฐานที่สูงในปีที่แล้ว รวมถึงราคาเหล็กและปริมาณการขายที่มีแนวโน้มลดลง
อนึ่ง หุ้น GLOBAL ขึ้นเครื่องหมาย XD ไปแล้วในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยมีการจ่ายปันผลเป็นหุ้นและเงิน
หุ้นปันผล ในสัดส่วน 24 หุ้นเดิม ได้ 1 หุ้นใหม่
และเงินปันผลอีก 0.25463 บาทต่อหุ้น
โดยกำหนดจ่ายในวันที่ 11 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้ครับ
------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์อินโนเวสท์ เอกซ์
คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย