ผลประกอบการของ BBL ประกาศออกมาเป็นที่เรียบร้อย โดยมีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 1.01 หมื่นล้านบาท (+34% QoQ, +42% YoY) ซึ่ง ภาพรวมออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด
สาระสำคัญจากผลประกอบการครั้งนี้ ...
1. สินเชื่อเติบโต 2% YoY ในขณะที่ NPL เพิ่มขึ้นราวๆ 1% YoY
2. รายได้จากดอกเบี้ย (NII) ลดลงเล็กน้อย 1.2% เพราะไม่ได้มีการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยในไตรมาส 1 ช่วงที่ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น
ทั้งนี้ช่วงปลายไตรมาส 1 BBL มีการปรับดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นตามต้นทุนเงินฝากออมทรัพย์ไปยังดอกเบี้ยใหม่ที่สูงขึ้น
3. รายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Non - NII) เพิ่มขึ้น หลักๆมาจากการตีมูลค่าสินทรัพย์ด้วยวิธี FVTPL กลับมามีกำไร 1.4 พันล้านบาท (จากขาดทุนในไตรมาส 4 ปีที่แล้ว 2 พันล้านบาท)
รายได้จากค่าธรรมเนียมเพิ่มขึ้น 6% และได้แรงสนับสนุนจากธุรกิจ Bancassurance และ ธุรกิจกองทุนรวม
4. รายจ่ายเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายพนักงาน การปรับขึ้นเงินเดือน การพัฒนาระบบ IT แต่รายได้ขยายตัวสูงกว่ารายจ่าย 47%
เรียกได้ว่าภาพรวมของผลประกอบการออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด และแนวโน้มกำลังดูดีขึ้นเรื่อยๆ
- เกิดอะไรขึ้นกับ KTB +5% ภายในวันเดียว
- DELTA กับผลประกอบการที่เติบโตไม่ทันราคาหุ้น
- CPALL ในปี 2566 ถือเป็นอีกปีที่มีแนวโน้มสดใส
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส วิเคราะห์ว่า การเคลื่อนไหวของ BBL มีแนวโน้มดีกว่ากลุ่มจากผลประกอบการที่ดีกว่าตลาดคาด และถือเป็นหุ้นที่น่าสนใจในยามเศรษฐกิจมีความไม่แน่นอน
อีกทั้ง Valuation ราคาหุ้นซื้อขายกันไม่แพง โดย P/BV อยู่ที่ 0.56 เท่า และอัตราเงินปันผลราวๆ 3%
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์อินโนเวสท์ เอกซ์ มองว่า แนวโน้มกำไรไตรมาส 2 น่าจะออกมาดูดีไม่ว่าจะเป็นการตั้งสำรองที่ลดลง รายได้จากดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
และภาพรวมผลประกอบการของปี 2566 น่าจะยังเติบโตได้ต่อไป ...
บทวิเคราะห์ มองว่า BBL จะเป็นหุ้นแบงก์ที่เติบโตดีที่สุดในกลุ่มธนาคาร
-----------------------------------------------------------------------------
Reference
สรุปผลการดำเนินงานของ บจ. ไตรมาสที่ 1 : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย