คำถามหนึ่งที่นักลงทุนให้ความสนใจต่อหุ้น CPALL มากที่สุด คือ ผลประกอบการปีนี้จะเป็นอย่างไร ?
คำตอบแบบสั้นๆ คือ ผลประกอบการปีนี้มีแนวโน้มที่ "สดใส"
แต่ถ้าให้ตอบแบบยาวๆ คือ ผลประกอบการจะเติบโตตั้งแต่ไตรมาส 1 ปีนี้ ไปจนจบปี 2566 จากทุกหน่วยธุรกิจ รวมถึง MAKRO + Lotus's สภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ผู้บริโภคจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น ยอดขายต่อสาขาที่เพิ่มขึ้น ดอกเบี้ยจ่ายลดลง
พูดง่าย คือ CPALL จะมีการเติบโตที่ดีมากๆในปี 2566 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในไตรมาส 2 ที่ได้รับอานิสงค์จากช่วงเทศกาลสงกรานต์และเป็นช่วงของการเลือกตั้ง
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส วิเคราะห์ว่า ผลประกอบการของ CPALL ในไตรมาส 1 ที่กำลังจะประกาศออกมากำไรสุทธิน่าจะอยู่ที่ 3.65 พันล้านบาท เติบโต 16% QoQ และ 6% YoY
จากแรงหนุนของธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ค้าส่ง และธุรกิจค้าปลีก จาก 3 ประเด็นหลักด้วยกัน คือ
1. ผลประกอบการไตรมส 4 ปี 2565 ออกมาฐานต่ำจากค่าใช้จ่ายพนักงาน ค่าไฟฟ้าที่สูงขึ้น
2. รายได้จะเพิ่มขึ้นทั้ง 3 ธุรกิจ จากการเปิดเมืองเต็มที่ และการท่องเที่ยวที่ดีมากในประเทศไทย
3. ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขาย (SG&A / Sales) มีแนวโน้มลดลง
ในขณะที่ไตรมาส 2 ทุกธุรกิจจะปรับตัวดีขึ้น จากสภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว นักท่องเที่ยวมาก จากเทศกาลต่างๆ และเงินสะพัดในช่วงเลือกต้ัง คือ พฤษภาคม
ส่วนไตรมาส 3 จุดเด่นจะอยู่ที่ดอกเบี้ยจ่ายลดลง
และไตรมาส 4 ได้ปัจจัยหนุนจากฤดูกาลที่คนจะจับจ่ายใช้สอยสูงกว่าไตรมาสอื่น
ดังนั้น ฝ่ายวิจัยคาดว่า CPALL น่าจะมีกำไรสุทธิเต็มปีอยู่ที่ราวๆ 2.1 หมื่นล้านบาท (ก่อนโรคระบาดโควิด CPALL มีกำไรสุทธิในปี 2562 อยู่ที่ 2.23 หมื่นล้านบาท)
- ผลประกอบการของ CPF กำลังจะขาดทุน
- ผลประกอบการของ COM7 อาจจะโตไม่ทันอย่างที่นักลงทุนคาดหวังไว้
- สำรวจผลประกอบการหุ้นแบงก์ใหญ่ไตรมาส 1 ปี 2566
สอดคล้องกับบทวิเคราะห์หลักทรัพย์บัวหลวง ที่มองว่า ผลประกอบการไตรมาส 1 ปีนี้ของ CPALL จะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง จากยอดขายต่อสาขาที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง
ในภาพรวมของปี 2566 ผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในครึ่งปีแรก และลดลงบ้างในครึ่งปีหลัง จากแรงหนุนช่วงเทศกาลสงกรานต์ และการเลือกตั้งกระตุ้นการใช้จ่าย
บทวิเคราะห์ยังชอบ CPALL เนื่องจากความสามารถในครองตลาดและโอกาสในการเติบโต จากธุรกิจ Delivery เอง และการลงทุนในต่างประเทศ
ปัจจุบัน CPALL มี P/E Ratio อยู่ที่ 30.8 เท่า ซึ่งต่ำกว่าในอดีตเฉลี่ย ราวๆ 31.2 เท่า
ถือเป็นหุ้นสำหรับปี 2566 ที่นักลงทุนต้องจับตาเป็นอย่างมากครับ
------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์บัวหลวง