#ลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐาน
#ข่าวหุ้นธุรกิจการลงทุน

ปัจจัยบวกของ PTTEP ที่จะช่วยเพิ่มการเติบโตในอนาคต

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
902 views

ต้องยอมรับว่าในปี 2565 หุ้น PTTEP เป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่ Perform ได้ดีกว่า SET Index พอสมควร
ส่วนหนึ่งน่าจะเป็นเรื่องของราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ทำให้ผลประกอบการของ PTTEP พุ่งแตะระดับ 3.39 แสนล้านบาท กำไรสุทธิสูงถึง 7 หมื่นล้านบาท 
จากที่เคยทำได้อยู่ราวๆ 1.6 - 2.3 แสนล้านบาทและกำไรสุทธิอยู่ราวๆ 3-5 หมื่นล้านบาท

แต่เข้าปี 2566 ตลาดคาดว่าราคาน้ำมันไม่น่าจะพุ่งสูงเหมือนปีที่แล้ว
คำถาม คือ ผลประกอบการของ PTTEP จะยังดีต่อไปหรือไม่ ? 
คำตอบ คือ มีแนวโน้มที่จะดีต่อไป
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับราคาน้ำมัน แต่สิ่งที่น่าสนใจ คือแผนงานในอนาคตของ PTTEP ตั้งแต่การเพิ่มมูลค่าในธุรกิจผลิตและสำรวจปิโตรเลียม และการพยายายามลงทุนในธุรกิจใหม่ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ AI & Robotics หรือธุรกิจตรวจซ่อมบำรุงใต้น้ำโดยการใช้หุ่นยนต์

 

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส วิเคราะห์ว่า ผลประกอบการของ PTTEP ไตรมาส 1 น่าจะอยู่ที่ 2.08 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 33.7% qoq แต่การเพิ่มขึ้นมาจากค่าใช้จ่ายพิเศษที่ลดลงอย่างมาก
ซึ่งถ้าเราตัดส่วนนี้ออก ผลประกอบการน่าจะลดลง 8.1% qoq ตามราคาขายที่ลดลง 
... สำหรับไตรมาส 2 มีแนวโน้มจะปรับตัวลดลงจากไตรมาส 1 เนื่องจากการปรับตัวลดลงของราคาก๊าซและถูกกดันจากปริมาณขายที่ลดลงเนื่องจากมีการ shutdown ของโครงการในอ่าวไทย
อีกทั้งน่าจะได้ปัจจัยบวกระยะสั้นจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น จากปัญหาการเมืองในตะวันออกกลาง สงครามรัสเซียยูเครนที่ยังไม่จบ และที่สำคัญคือการประชุมกลุ่ม OPEC+ จะปรับลดการผลิตน้ำมันลงตั้งแต่เดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป ทำให้มีโอกาสสูงที่ราคาน้ำมันดิบจะปรับตัวเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ตัวแปรสำคัญที่จะกำหนดทิศทางกำไรของ PTTEP ในปี 2566 อยู่ที่ราคาน้ำมัน
ถ้าราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ราวๆ 90 เหรียญต่อบาร์เรล และราคาน้ำมันระยะยาวเฉลี่ยอยู่ราวๆ 75 เหรียญต่อบาร์เรล 
... แนวโน้มของผลประกอบการน่าจะเป็นไปอย่างที่บทวิเคราะห์คาด แต่ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงอาจจะต้องมีการกลับมาวิเคราะห์กันใหม่เพิ่มเติม

 

 

ทั้งนี้ สิ่งที่น่าสนใจของ PTTEP และจะช่วยเพิ่มการเติบโตอย่างมากของ PTTEP คือการเพิ่มมูลค่าธุรกิจหลัก E&P การกระจายไปยังธุรกิจใหม่
กลยุทธ์การดําเนินธุรกิจของ PTTEP ยังมุ่งเน้นการสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน ควบคู่ไปกับการสร้างความยั่งยืนจากภายในสู่ภายนอก โดยคํานึงถึงผลประโยชน์ร่วมกันของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม 
ดังนั้น PTTEP จึงกําหนดกลยุทธ์ 3 แนวทางภายใต้กระแสเปลี่ยนผ่านทางด้านพลังงาน ควบคู่ไปกับการเตรียมทรัพยากรเพื่อรองรับอนาคต ประกอบไปด้วย 
1. Drive Value : การขับเคลื่อนและเพิ่มมูลค่าธุรกิจผลิตและสํารวจปิโตรเลียม
โดยการสร้างมูลค่าเพิ่มจากโครงการปัจจุบัน และการขยายการลงทุนในพื้นที่ยุทธศาสตร์ ให้ความสําคัญกับการเติบโตแบบ organic growth ซึ่งโครงการใดหากสํารวจเจอปิโตรเลียมเชิงพาณิชย์จะต้องเร่งผลิตออกมา โดยเฉพาะโครงการในมาเลเซีย
นอกจากนี้ก็ยังมองหากการลงทุน M&A หากมีความน่าสนใจ แต่จะเน้นเฉพาะในพื้นที่ที่สามารถเพิ่มมูลค่าได้ในระยะยาว 
และ PTTEP มีความชํานาญ รวมถึงการเข้าร่วมประมูลแปลงสัมปทานครั้งที่ 24 ในพื้นที่อ่าวไทย ก็จะให้ความสําคัญเฉพาะในพื้นที่ที่ PTTEP มี facilities ตั้งอยู่แล้ว

 

2.  Decarbonize : การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก  
โดยมีเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ หรือ EP Net Zero 2050 ภายในปี 2593

 

3. Diversify : การเติบโตในธุรกิจใหม่ 
โดยกําหนดเป้าหมายกําไรสุทธิจากธุรกิจใหม่ 20% ของกําไรสุทธิของPTTEP รวมภายในปี 2573 อาทิ การลงทุนของบริษัท AI & Robotics Venture หน่วยธุรกิจตรวจซ่อมบำรุงใต้น้ำ ROVULA ซึ่งเป็นการนําหุ่นยนต์มาใช้ในการซ่อมบํารุงท่อใต้ทะเลครั้งแรกของโลก และพร้อมให้บริการแก่ลูกค้า และพันธมิตร รวมถึงการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้า และพลังงานทดแทน

ถือเป็นอีกบริษัทขนาดใหญ่ในตลาดหุ้นไทยที่น่าจับตาอย่างมาก
ผลประกอบการที่มีแนวโน้มดีต่อไป และแผนงานในอนาคตของ PTTEP ที่จะช่วยเพิ่มมูลค่าอย่างมากครับ ...

------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส

ผลประกอบการสำคัญ : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง