เมื่อคืนที่ผ่านมา ราคาหุ้นของ Credit Suisse ธนาคารยักษ์ใหญ่จากสวิส เปิดตลาดมาร่วงไปกว่า -20% คิดเป็นมูลค่าหายไป 7 หมื่นล้านในวันเดียว
หรือร่วงไปแล้วกว่า -97% จากราคาสูงสุด ส่อแววล้มละลาย กลายเป็น “วิกฤตธนาคาร” ที่น่าเป็นห่วงที่สุดตอนนี้
คำถาม คือ เกิดอะไรขึ้นกับ Credit Suisse ?
มันมีที่มาอย่างไร จึงกลายมาเป็นอย่างนี้ ...
ต้องย้อนกลับไปช่วงต้นปี 2564 ถือเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหา ธนาคารไปมีส่วนกับผลขาดทุนของ Archegos Capital Management ทำให้สถานะการเงินและความน่าเชื่อถือของ Credit Suisse นั้นลดลง
Archegos Capital Management ซึ่งเป็นกองทุนประเภทบริหารความเสี่ยง หรือ ‘เฮดจ์ฟันด์’ จากสหรัฐฯ ที่เป็นกองทุนเล็กๆแต่มีการกู้มาร์จิ้นจากสถาบันการเงินใหญ่ๆ และ Credit Suisse ก็เป็นหนึ่งในนั้น สูญเงินไปกว่า 6 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ต่อมาก็เจอปัญหาเรื่องของวิกฤตโควิด19 ปัญหาราคาพลังงาน ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมามากกว่า 20% นอกจากนี้ยังมีประเด็นความกังวลอีก 4 ข้อด้วยกันคือ
1. บริษัทมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างบริษัท
2. PWC ผู้ตรวจสอบบัญชี มีความเห็นไม่ดีต่องบการเงิน
3. ส่ง Annual Report ล่าช้า
4. ลูกค้าถอนเงินออกอย่างต่อเนื่อง
จนกระทั่งมาถึงปัญหาล่าสุด คือ การที่ธนาคารกลางทั่วโลกประกาศขึ้นดอกเบี้ยอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ทำให้เกิดปัญหาสภาพคล่องที่พุ่งสูงขึ้นของธนาคารหลายแห่ง รวมถึง Credit Suisse ธนาคารยักษ์ใหญ่อันดับ 2 ของสวิตเซอร์แลนด์มีระดับความเสี่ยงเพิ่มขึ้นมาก
ผู้ถือหุ้นใหญ่อย่าง Saudi National Bank (SNB) ประกาศว่าจะไม่ช่วยเหลือเรื่องเงินเพิ่มทุนอย่างแน่นอน เพราะตอนนี้ถือหุ้นกว่า 9.9% เข้าไปแล้ว และการเพิ่มทุนจะทำให้ถือหุ้นมากถึง 10% ซึ่งผิดกฏระเบียบของธนาคาร ทำให้ค่าประกันหนี้เสีย Credit Default Swap (CDS) อายุ 1 ปุ พุ่งสูงขึ้นมากกว่าอายุ 2 ปี และ 10 ปี สะท้อนความกังวลว่าธนาคารจะเสี่ยงผิดนัดชำระหนี้ภายในปีนี้
นักลงทุนเลยหันไปมองทางแบงก์ชาติของสวิสว่าจะเข้ามายื่นมือช่วยเหลือหรือไม่ต่อประเด็นนี้ เพราะถ้าแบงก์ชาติไม่เข้ามาช่วยเหลือ อาจจะกลายเป็นโดมิโนส่งผลให้แบงก์อื่นๆล้มตามไปด้วย
- 2 ประเด็นควรรู้ ในวันที่หุ้นไทยลงแรง
- สรุป SVB คืออะไร เกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมนักลงทุนต้องให้ความสนใจ ?
- สรุป BCP หลังเข้าซื้อ ESSO ภาพจะเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน ?
อย่างไรก็ตาม เมื่อเช้านี้มีกระแสข่าวว่า Credit Suisse ได้รับเงินกู้ช่วยเหลือจากธนาคารแห่งชาติสวิสแล้ว ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกดีดกลับทันที
สาเหตุที่ต้องให้ความช่วยเหลือเป็นเพราะว่า เพราะถ้าแบงก์ขนาดใหญ่อย่าง Credit Suisse ล้มเมื่อไร อาจจะกระทบเป็นลูกโซ่ทำให้แบงก์อื่นมีปัญหาตามมาอีกด้วย
เพราะเราต้องไม่ลืมว่า Credit Suisse มีอายุมามากกว่า 167 ปี ถือเป็นเสาหลักทางการเงินของโลกก็อาจจะไม่ผิดนัก มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งเชื่อมโนงกับธนาคารหลายแห่งในยุโรปและสหรัฐอเมริกา
ปล่อยให้ล้มไม่ได้ ... Too Big To Fail
อย่างไรก็ตาม เรื่องของธนาคารเสี่ยงล้มถือเป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องติดตามกันต่อไปครับ เพราะว่า ...
1. ความกังวลของ Credit Suisse จะใหญ่กว่า SVB มาก ไม่ว่าจะเป็นขนาดที่ใหญ่กว่า ปริมาณสินทรัพย์ที่มากกว่า
2. อาจจะมีแบงก์อื่นๆที่กำลังจะมีปัญหาเพิ่มขึ้น เพียงแต่นักลงทุนยังไม่รู้ ก็เท่านั้นเองครับ
------------------------------------------------------------------------------
Reference
www.theguardian.com