ดีลการเข้าซื้อกิจการ ESSO ของบางจาก ดำเนินไปเรื่อยๆ โดยตลาดคาดว่าดีลนี้จะเสร็จน่าจะอยู่ช่วงครึ่งหลังของปี 2566 ซึ่งจะต้องผ่านอีก 2 ขั้นตอน คือ การขออนุมัติจากผู้ถือหุ้น BCP และการรอนุมัติเงื่อนไขอันไม่เป็นการผูกขาด
ประเด็นที่นักลงทุนสงสัยมากที่สุดในดีลนี้คือ จะส่งผลให้ภาพของ BCP เปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน ?
คำตอบ คือ เปลี่ยนไปมาก โดยเฉพาะ 2 ประเด็นที่ตลาดให้ความสนใจ คือ
1. สถานะทางการเงินหลังซื้อ ESSO ยังคงแข็งแกร่งเหมือนเดิม
2. กำไรก่อนหักภาษี (EBITDA) จะเติบโตขึ้นอีก 10 เท่า ภายในปี 2573
ประเด็นเรื่องสถานะทางการเงิน ...
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์กสิกรไทย มองว่าสถานะทางการเงินโดยเฉพาะหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ไม่ควรสูงกว่า 1.7 เท่า
แต่หลังจากการควบรวม BCP น่าจะมี D/E Ratio ราวๆ 1.5 เท่า จากเดิมที่ 0.4 เท่าก่อนการควบรวม โดยบริษัทมีแผนจะใช้เงินลงทุนกว่า 9 หมื่นล้านบาทในปี 2566 สำหรับการเข้าซื้อ Esso การขยายธุรกิจไฟฟ้า การควบรวมกิจการในธุรกิจต้นน้ำ
ผู้บริหารมองว่า D/E Ratio จะไม่เกินกว่า 1.5 เท่า เนื่องจาก 63% ของ CAPEX จะถูกจัดหาเงินทุนโดยบริษัทลูกเอง
ประเด็นเรื่อง EBITDA จะเติบโตขึ้นอีก 10 เท่า ภายในปี 2573
บริษัทมีเป้าหมายที่จะทำให้ EBITDA แตะระดับ 1 แสนล้านบาท ภายในปี 2573 โดยระดับเดิมจะอยู่ราวๆ 1 หมื่นล้านบาท
พูดง่ายๆ คือ EBITDA จะเติบโตขึ้นอีก 10 เท่า ภายในปี 2573
โดยบริษัทเน้นย้ำว่า ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม คือ ปัจจัยการขับเคลื่อยนสำคัญ
หลังการเข้าซื้อ ESSO ภาพของ BCP จะมีสัดส่วนรายได้เปลี่ยนเป็น
... ธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม จะมีสัดส่วน EBITDA อยู่ที่ 46%
... ธุรกิจโรงกลั่น จะมีสัดส่วน EBITDA อยู่ที่ 26%
... ธุรกิจไฟฟ้า จะมีสัดส่วน EBITDA อยู่ที่ 11%
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์กสิกรไทย มองว่าแผนงานของ BCP มีความชัดเจนอีกทั้ง การควบรวมกิจการก็เป็นไปตามแผนที่วางไว้
ดังนั้นราคาหุ้นที่อ่อนตัวลงเมื่อไม่นานมานี้ น่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าลงทุน
อีกทั้ง BCP ซื้อขายกันที่ P/BV 0.69 เท่า ต่ำกว่าบริษัทอื่นๆในอุตสาหกรรมเดียวกัน
- ปัญหาที่กำลังจะตามมาหลัง SVB ล้มละลาย
- เราอาจจะเห็น TRUE กำไรเป็นปีแรกตั้งแต่ควบรวม
- สำรวจหุ้น MOSHI เป็นอย่างไร หลังเข้าตลาดมาได้ 3 เดือน
InnovestX Research มองว่า การซื้อกิจการ ESSO จะช่วยเพิ่มการเข้าถึงผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปสำหรับธุรกิจการตลาดของ BCP
นอกจากนี้ ESSO ยังจะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับฐานลูกค้าในกลุ่ม Commercial/Wholesale ของ BCP และเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ที่ให้ผลตอบแทนสูง ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปประเภทเบา (น้ำมันเบนซิน)
... และ ผู้บริหารยังคาดว่าการซื้อกิจการครั้งนี้จะทำให้เกิดมูลค่าจาก Synergy (ก่อนหักภาษี) ประมาณ 1.5-2 พันล้านบาท จากการเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุนจากการจัดหาน้ำมันดิบ การประกอบธุรกิจโรงกลั่น การขนส่ง รวมถึงค่าใช้จ่ายในการประกอบธุรกิจทางอ้อม
การซื้อกิจการ จะช่วยหนุนให้ EPS ตามข้อมูลทางการเงินเสมือนปรับเพิ่มขึ้นได้ 57% เมื่อเทียบกับงบการเงินเฉพาะกิจการของ BCP โดยพิจารณาจากผลการดำเนินงานในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา (ไม่รวม Synergy จาก Crude Run Rate ที่ดีขึ้น) และจะเพิ่มเป็น 66% ด้วย Synergy ด้าน Crude Run ระหว่าง BCP และ ESSO
โดยสรุปแล้ว เชื่อว่าการซื้อกิจการ ESSO จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับ BCP เมื่อพิจารณาจากราคาเข้าซื้อยุติธรรม กำไรส่วนเพิ่มจาก ESSO และประโยชน์จาก Synergy ในด้านการดำเนินงานและการตลาด
------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์กสิกรไทย