เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า ผลประกอบการของ OR ไตรมาส 4 ออกมา "ขาดทุน" 
โดยคิดเป็นการขาดทุนหนักถึง 743.5 ล้านบาท 
จากที่เคยกำไรในไตรมาส 3 ปี 2565 ประมาณ 701 ล้านบาท

ทำให้งบเต็มปี 2565 บริษัทมีกำไรสุทธิ 10.37 พันล้านบาท 
น้อยกว่าปี 2564 ที่บริษัทมีกำไรสุทธิราวๆ 11.47 พันล้านบาท ...หรือลดลงกว่า -9.6%

สิ่งที่ทำให้ผลประกอบการ OR ขาดทุน มาจาก ... 
1. กำไรขั้นต้นจากธุรกิจ Mobility ลดลง จากราคาขายเฉลี่ยต่อลิตรลดลง และต้องนำเข้าน้ำมันบางส่วนจากโรงกลั่นน้ำมันในประเทศปิดตัวซ่อมบำรุง
2. กำไรจากธุรกิจต่างประเทศ ลดลง qoq
3. SG&A เพิ่มขึ้น
4. มี Investory loss ราวๆ 1.1 พันล้านบาท

แต่ผลประกอบการครั้งนี้ของ OR ก็มีประเด็นเชิงบวกด้วยเหมือนกัน คือ 
1. ปริมาณการขายน้ำมันโดยรวมเพิ่มขึ้น
2. สถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้น 50 สถานี 
3. ธุรกิจต่างประเทศดีขึ้น กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจ Cafe Amazon 
4.ธุรกิจ Non-Oil ภาพรวมดีขึ้น กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น การขยายสาขาโดยรวมเพิ่มขึ้น

ปัจจุบัน ธุรกิจ Non-oil ของ OR ประกอบไปด้วย
ร้าน Cafe Amazon มี 3,895 สาขา ... เพิ่มขึ้น 109 สาขาในไตรมาส 4 
ร้าน Texas มี 107 สาขา ... เพิ่มขึ้น 7 สาขา 
ร้านสะดวกซื้อ ทั้ง 7-11 และ Jiffy มี 2,147 สาขา ... เพิ่มขึ้น 52 สาขา

• OR อาจจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในแง่ของผลประกอบการ
• เจาะประเด็น AP การเติบโตอยู่ที่ตรงไหน ? 
• ผลประกอบการ 2565 ของ KERRY ขาดทุนหนักกว่าเดิม

ประเด็นคือ สังเกตจากราคาหุ้นที่ร่วงลงมา แสดงให้เห็นว่าตลาดน่าจะรับรู้ข่าวเรื่องการขาดทุนของ OR ไปพอสมควรแล้ว 
สิ่งที่นักลงทุนต้องให้ความสนใจ คือ หลังจากนี้ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2566 จะเป็นอย่างไร ? 
คำตอบ คือ มีทิศทางของการฟื้นตัว
หนุนโดยธุรกิจน้ำมันของ OR ที่มีค่าการกลั่นเข้าสู่ระดับปกติ ไม่ต้องนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ ธุรกิจจากต่างประเทศที่ดีขึ้น และยังได้รับอานิสงค์จากนโยบายภาครัฐที่ปล่อยลอยตัวค่าการตลาดน้ำมันดีเซลสู่ระดับปกติ

โดยเฉพาะธุรกิจ Cafe Amazon ที่จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการบริโภคที่ฟื้นตัว 
พูดง่ายๆคือ ผลประกอบการที่ย่ำแย่ของ OR ได้ผ่านพ้นไปแล้ว และเป็นช่วงของการฟื้นตัว 
ดังนั้น เรื่องของการขาดทุนของ OR ในไตรมาส 4 อาจจะไม่ได้น่ากังวลอย่างที่คิด

อนึ่ง OR ประกาศจ่ายเงินปันผล 0.15 บาทต่อหุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 28 กุมภาพันธ์ และจ่ายปันผลวันที่ 28 เมษายน คิดเป็น Yield ประมาณ 0.7%

------------------------------------------------------------------------------
Reference

คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส