ต้องยอมรับว่าราคาหุ้น OR ค่อนข้าง Underperform ตลาดหุ้นไทยอยู่พอสมควร ราวๆ -22% โดยสาเหตุสำคัญคือนักลงทุนกังวลกับผลประกอบการของ OR ที่จะออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาด ไปจนถึงการ "ขาดทุน" ครั้งแรกนับตั้งแต่เข้าตลาดมา
แต่สิ่งที่น่าคิดต่อไป คือ ด้วยราคาที่ลงมาขนาดนี้สะท้อนความน่ากังวล (มากเกินไป) แล้วหรือยัง ?
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ดาโอ วิเคราะห์ว่าผลประกอบการขาดทุนอาจจะเกิดขึ้นจริงๆ และนักวิเคราะห์อยู่ในช่วงของการปรับประมาณการ "ลดลง"
แต่การปรับลดลงในแง่ของกำไรในปี 2566 ก็ไม่ได้มีความรุนแรงเท่ากับราคาหุ้นที่ร่วงลงมามากเกินไป
นักวิเคราะห์เชื่อว่า ผลประกอบการที่อ่อนแอในไตรมาส 4 ปี 2565 จะเป็นจุดต่ำสุด
และจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 1 ปี 2566 เป็นต้นไป
พูดง่ายๆ คือ ผลประกอบการ OR กำลังจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
ในขณะที่ราคาหุ้นซึมซับความกังวลที่มากเกินไป นั่นเอง .. !!
บทวิเคราะห์มองว่า OR น่าจะรายงานผลขาดทุนราวๆ 447 ล้านบาท เทียบกับ
ไตรมาส 4 ปี 2564 ที่กำไร 2.4 พันล้านบาท
ไตรมาส 3 ปี 2565 ที่กำไร 701 ล้านบาท .... จาก 3 ประเด็นด้วยกัน คือ
1. รายได้จากน้ำมันเพิ่มขึ้น ตามสาขาที่เพิ่มขึ้น แต่ Marketing Margin อ่อนแอมากจากการตรึงราคาน้ำมันดีเซล และขาดทุนจากสต๊อคน้ำมัน
2. ธุรกิจ LifeStyle มีรายได้เพิ่มขึ้น 5.6% จากธุรกิจ Cafe Amazon และร้านสะดวกซื้อที่เพิ่มขึ้น
3. ธุรกิจ Global มีรายได้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 1.28 หมื่นล้านบาท จากปริมาณการขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้น
เมื่อมองไปในไตรมาส 1 ปี 2566 ...
บทวิเคราะห์มองว่าจะเป็นช่วงของการฟื้นตัว จาก 3 เหตุผลด้วยกันคือ ...
1. ปริมาณการขายน้ำมันที่สูงขึ้น
2. Marketing Margin สูงขึ้น QoQ
3. การขยายสถานีบริการเชิงรุกทั้งปั้มน้ำมันเพิ่ม 100 สาขา และ Cafe Amazon เพิ่มอีก 400 สาขา
ตอนนี้ตลาดมองไปในทิศทางเดียวกันว่า ผลประกอบการของ OR ไตรมาส 4 น่าจะออกมาขาดทุน แต่ก็สะท้อนลงไปในราคาหุ้นที่มากพอสมควร
อีกทั้ง ถ้ามองยาวๆในไตรมาส 1 ปีนี้ จะเป็นธีมของการฟื้นตัว ผลประกอบการก็จะกลับมาได้เอง จากการรุกขยายสาขา ปริมาณการขายน้ำมันเพิ่มขึ้น และ Marketing Margin ก็มีแนวโน้มดีขึ้น ไม่ถูกกดดันเหมือนในปี 2565 ที่ผ่านมาครับ
------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ดาโอ