สิ่งที่นักวิเคราะห์เศรษฐกิจมองว่าจะต้องเกิดขึ้นในปีนี้ คืออะไร
เชื่อว่าอันดับต้นๆ น่าจะเป็นเรื่องของยุโรปเข้าสู่ Recession
สาเหตุเป็นเพราะว่า
1. เงินเฟ้อของยุโรปยังสูง
2. การขึ้นดอกเบี้ยอย่างหนักหน่วงของ ECB
พูดง่ายๆคือ เราจะเห็นการดึงสภาพคล่องกลับ (QT) เพื่อกดเงินเฟ้อให้อยู่ระดับ 2% ให้ได้
ซึ่งตามสถานการณ์ที่เป็นอยู่ มั่นใจได้ 100% ว่ายูโรปจะต้องเกิด Recession อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่จากสถานการณ์ล่าสุด กลับพลิกผันเพราะเราอาจจะไม่เห็นยุโรปเข้าสู่ Recession ก็เป็นไปได้ ด้วยเหตุผล 3 ข้อด้วยกันคือ
1. จีนเปิดประเทศเร็วกว่าที่คาด ไม่มี Zero-Covid อีกต่อไปแล้ว
2. ราคาพลังงานเริ่มปรับตัวลดลงต่อเนื่อง
3. เงินเฟ้อเริ่มผ่านจุดสูงสุด ทำให้ตลาดหุ้นทางฝั่งยุโรปปรับตัวเพิ่มขึ้น นักลงทุนเริ่มกลับมามีความมั่นใจกันอีกครั้ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทางฝั่งยุโรปถูกนักลงทุนเทขายมากเกินไป เมื่อสถานการณ์จริงออกมาไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิด นักลงทุนจึงมองว่าหุ้นลงมาเยอะเกินไปจึงเริ่มกลับมาซื้อกลับ
สถาบันวิเคราะห์เศรษฐกิจ Citi Economic มีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจในยุโรป
สอดคล้องกับสถาบันการเงินใหญ่ๆหลายแห่ง เช่น Deutsche Bank, UBS, รวมถึง Goldman Sachs ก็ออกบทวิเคราะห์ว่าอาจจะไม่เห็นยุโรปเข้าสู่สภาวะ Recession อย่างที่ตลาดกังวล ...
- FundFlow อาจจะทำให้หุ้นไทยแตะระดับ 1,820 จุด
- เราควรวางแผนลงทุน เพื่อรับมือยุคเงินเฟ้อในอนาคต
- สรุป FED x ECB การขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้ บอกอะไรเรา ?
คำถามต่อมา คือ สถานการณ์ไตรมาส 1 ปีนี้ ของยุโรปจะออกมาดูดีเลยใช่ไหม ?
คำตอบคือ ไม่ใช่ ...
สถานการณ์ของยุโรปยังไม่ได้ดีมากนัก แต่ก็ดีกว่าไตรมาสที่ 4 ของปีที่แล้ว
พูดง่ายๆคือ ตลาดรับรู้ข่าวร้ายมากเกินไป
เมื่อความจริงปรากฏว่ามันไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้น นักลงทุน นักวิเคราะห์รวมถึงตลาดหุ้นก็กลับมามีความมั่นใจกันอีกครั้ง
นั่นหมายความว่าเราอาจจะไม่เห็นยุโรปเข้าสู่ Recession อย่างที่เคยคิดกันเอาไว้ก่อนหน้าครับ
------------------------------------------------------------------------------
Reference
weforum.org