ประเทศไทยข้าวของแพงขึ้น !!
นี้เป็นประโยคที่เรามักจะได้ยินตามสื่อ หรีอข่าวจากโซเชียลมีเดียผ่านช่องทางต่างๆ
ซึ่งคำว่า "แพงขึ้น" จะสัมพันธ์กับคำว่า "เงินเฟ้อ"
เพราะเงินเฟ้อ หมายถึง ภาวะที่ ราคาสินค้าและบริการ ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
คำถามคือ แล้วประเทศไหนในปี 2567 ที่มีแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อสูงที่สุดของโลก
คำตอบ คือ เวเนซุเอลา ซิมบับเว และซูดาน
เมื่อไม่นานมานมานี้ IMF คาดว่าอัตราเงินเฟ้อของเวเนซุเอลา น่าจะอยู่ที่ 230% สูงเป็นอันดับหนึ่งของโลก
โดยสาเหตุหลักมาจากประชาชนไม่เชื่อใจในสกุลเงิน "โบลีวาร์เวเนซุเอลา" แล้วหันไปถือครองสกุลเงินดอลลาร์ แทน
รองลงมาเป็น ซิมบับเว โดยทาง IMF คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ราวๆ 191%
และอันดับที่สาม คือ ประเทศซูดาน ที่น่าจะมีอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 127%
ในขณะที่อาเจนตินา เงินเฟ้ออยู่ที่ 70% และตุรเคีย เงินเฟ้ออยู่ที่ 55%
ทั้งนี้ IMF มองว่าในปีถัดไป อัตราเงินเฟ้อทั่วโลกมีแนวโน้มเร่งตัวมากขึ้นจาก 3 เหตุผลหลักด้วยกัน คือ
1. ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ จะผลักดันให้ราคาพลังงานเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้สินค้าอุปโภค บริโภคมีแนวโน้มสูงขึ้นตามไปด้วย
2. ความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มมากขึ้น โดย IMF มองว่าการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น พร้อมกับค่าแรงที่เพิ่มขึ้น เป็นสองเท่าก่อนเกิดโควิด จะยิ่งเป็นตัวขับเคลื่อนให้ประชาชนบริโภคมากขึ้น ส่งผลให้ราคาสินค้าปรับตัวสูงขึ้น
3. ราคาบ้านที่สูงขึ้น โดยราคาที่อยู่อาศัยเป็นตัวบ่งชี้สำคัญของ Consumer Price Index ซึ่งแสดงให้เห็นว่าฟื้นตัวขึ้นอย่างมาก ในเดือนมกราคมปี 2567 ราคาที่อยู่อาศัยพุ่งสูงขึ้นราวๆ 6% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว
อ่านมาถึงตรงนี้ เราอาจจะสงสัยว่า ตกลงแล้ว อัตราเงินเฟ้อควรอยู่ที่เท่าไร ถึงเรียกว่าพอดี ?
คำตอบ คือ ประมาณ 1-4% เราจะเรียกว่า เงินเฟ้ออย่างอ่อน หรือ Mild Inflation
ตามทฤษฏีแล้ว สิ่งที่เศรษฐกิจต้องการคือการมีเงินเฟ้อ "อ่อนๆ" จะถือว่าส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ
เพราะการที่เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย บ่งบอกว่าผู้คนยังออกมาจับจ่ายใช้สอยอยู่บ้าง เศรษฐกิจหมุนเวียน
แต่ถ้าผู้คนหันมาเก็บเงินกันมากขึ้น ไม่ยอมออกมาใช้จ่ายจะเกิดภาวะที่เรียกว่า "เงินฝืด"
คือ เศรษฐกิจซบเซา ผู้ประกอบการไม่ค่อยมีแรงจูงใจในการขายสินค้าและลงทุนเพิ่ม
ด้วยเหตุนี้ ธนาคารกลางทั่วโลก จึงกำหนดมาตรฐานเงินเฟ้อให้อยู่ที่ 1-4% ซึ่งถือว่าส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ
แต่ในความเป็นจริงแล้ว การควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบถือเป็นความท้าทายและทำได้ยากมาก
เพราะเรื่องของเศรษฐกิจมีความสลับซับซ้อนต่อการบริหารจัดการ จึงทำให้หลายๆประเทศมีอัตราเงินเฟ้อที่สูง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "เวเนซุเอลา"
- เศรษฐกิจฟื้นตัว หุ้นจีนไม่แพง ภาครัฐสนับสนุน ปัจจัยขับเคลื่อนตลาดหุ้นจีนให้กลับมาเป็นขาขึ้น
- สรุปเกิดอะไรขึ้นกับหุ้น Disney ร่วง 10% ภายในวันเดียว
- สรุปสาเหตุ หุ้น Starbucks ทำไมหุ้นลง 20% ใน 1 เดือน
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ คือ แล้วประเทศไทยละ อัตราเงินเฟ้อน่าจะอยู่ที่เท่าไร ?
จากข้อมูลของ IMF มองว่าอัตราเงินเฟ้อของไทยน่าจะอยู่ราวๆ 2.7% ใกล้เคียงกันกับญี่ปุ่นและอินโดนีเซียที่อยู่ราวๆ 2.6%
แต่การเติบโต GDP Growth ของไทยจะอยู่ที่ 3.2% ในปีนี้
แต่ของญี่ปุ่นอยู่ที่ 1% และของอินโดนีเซีย อยู่ที่ 5%
หมายเหตุ : บทความนี้เขียนขึ้นโดย Gemini และเรียบเรียงโดยทีมงาน Stock2morrow
------------------------------------------------------------------------------
Reference
visualcapitalist.com