#ข่าวหุ้นธุรกิจการลงทุน

กรณีศึกษา Starbucks ทำอย่างไรถึงมีเงินกว่า 8.4 หมื่นล้านบาทไปใช้แบบฟรีๆ

โดย stock2morrow
เผยแพร่:
836 views

เวลาเราอยากได้เงินมาทำธุรกิจ หรือเสริมสภาพคล่องให้กับบริษัท 
วิธีแรกที่ง่ายที่สุดและเร็วที่สุด คือ กู้เงินจากธนาคาร แต่ก็ต้องแลกมาด้วยต้นทุนทางการเงินที่สูง
แต่คงไม่ใช้สำหรับ Starbucks เชนร้านกาแฟเบอร์ต้นๆของโลก ที่สามารถนำเงิน 8.4 หมื่นล้านบาทไปใช้แบบฟรีๆ
และที่สำคัญ คือ เงินก้อนนี้เป็นเงินของลูกค้าเอง


Starbucks ทำได้อย่างไร ?
Starbucks มีแอปให้ลูกค้าเติมเงินเข้าไปได้ ที่เรียกว่า "บัตรสมาชิก"
และถ้าจ่ายด้วยแอป จะได้โบนัสที่เรียกว่า "ดาว"
โดย 25 บาท ลูกค้าจะได้ 1 ดาว
และถ้าครบ 300 บาท ลูกค้าจะได้เลื่อนขั้นไปเป็น Gold Member
ซึ่งสามารถเอาดาวไปแลกเครื่องดื่มได้
อีกทั้ง บางครั้ง Starbucks ยังมีการจัดโปรโมชั่น 1 แถม 1 สำหรับลูกค้าสมาชิกอีกด้วย
ซึ่งเป็นการเชิญชวนให้คนมาสมัครสมาชิกเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ด้วยสาเหตุนี้เอง ทำให้มีลูกค้า Starbucks เติมเงินเข้าไปในบัตร และไม่ได้ใช้
ทำให้เงินนั้นคงค้างอยู่ในบัตรจากทั่วโลกมาถึง 8.4 หมื่นล้านบาท 
ยิ่งไปกว่านั้น เงินก้อนนั้น เป็นเงินที่ลูกค้าแลกไปแล้ว ไม่สามารถแลกกลับมาเป็นเงินสดได้
พูดง่ายๆ คือ Starbucks จะมีเงินสดฟรีๆที่พร้อมนำไปทำอย่างอื่น ซึ่งเงินนั้นเป็นเงินของลูกค้าที่ผ่านการเติมเงินลงไปในบัตรสมาชิก
เพียงแค่ Starbucks ได้รับเงินก่อน แล้วค่อยให้ของทีหลัง 
ยังไม่นับรวมลูกค้าบางคนที่ "ลืมใช้" หรืออาจจะได้รับเป็น Gift Cards จากเพื่อนๆ แล้วไม่ได้นำไปใช้
หรือการที่ลูกค้าบางคนมองว่าเงินในบัตรมีอยู่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก็เลยทิ้งบัตรนั้นไปเลยไม่ได้ใช้ต่อ ก็เท่ากับว่าเป็น "เงินฟรี" ที่จะตกเป็นของ Starbucks ในท้ายที่สุด

คำถามต่อมา คือ เงินก้อนนั้น Starbucks นำไปใช้ทำอะไร ?
ถึงแม้ว่าตัวบริษัทเองจะไม่ได้เปิดเผยเกี่ยวกับเงิน "คงค้าง" ที่อยู่ในบัตรสมาชิกของลูกค้า 
แต่ก็มีนักวิชาการหลายคน มีความเห็นตรงกันว่า Starbucks สามารถนำเงินก้อนนั้นไปเป็น กระแสเงินสด หรือเงินที่นำไปใช้บริหารกิจการอย่างอื่นเพื่อต่อยอดต่อไปได้ 
เช่น การลงทุนในหุ้นกู้ที่มีความเสี่ยงต่ำ การนำเงินไปฝากไว้ในธนาคารเฉยๆเพื่อรอกินดอกเบี้ย ก็สามารถทำได้
เพราะเงินก้อนนั้นไม่มีต้นทุนทางการเงิน 
หรือพูดง่ายๆ คือ ไม่มีดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายให้กับเงินก้อนนั้น นั่นเอง

 


อ่านมาถึงตรงนี้ เราอาจจะสงสัยว่า ทำไมลูกค้าถึงต้องยอมเติมเงินลงไปในบัตร ? 
สาเหตุเป็นเพราะว่า Starbucks ออกแบบระบบและการตลาดที่ดีมากๆ เพื่อให้ลูกค้าได้รู้สึกว่า ได้ถึงความคุ้มค่าที่จะจ่ายค่าเครื่องดื่มผ่านบัตรสมาชิก
และเต็มใจที่จะเติมเงินก้อนใหญ่ฝากไว้ในบัตร
เช่น เครื่องดื่ม 1 แก้ว ราคา 150 บาท แทนที่ลูกค้าจะยอมจ่ายเงิน 150 บาท หรือเติมเงินเข้าบัตร 150 บาทแล้วค่อยจ่าย ก็อาจจะสร้างความยุ่งยากให้กับลูกค้า
ถ้าลูกค้าเห็นว่า ซื้อเป็นประจำก็อาจจะเติมเงินเผื่อๆเข้าไปในบัตร เช่น เติมเงินไป 500 บาท หรืออาจจะ 1000 บาทแทน จะได้ไม่ต้องเติมบ่อยครั้ง

นอกจากนี้ ระบบการออกแบบบัตรที่ไม่ได้เป็น "บัตรจริงๆ" เพียงแค่ลูกค้าล็อกอินบัตรเข้าไปในแอปพลิเคชันบนมือถือ ที่สะดวกต่อการใช้จ่ายและจัดการบัตรได้อีกด้วย
ที่สำคัญ คือ ความยืดหยุ่นในการจัดการกับบัตร เพราะแอปรองรับการเพิ่มจำนวนบัตรได้หลาย ๆ ใบ 
แถมยังโอนเงินจากบัตรหนึ่งไปรวมกับอีกบัตรได้ คล้ายกับการโอนเงินต่างบัญชีของตัวเองผ่านแอปธนาคาร 
ซึ่งการทำแบบนี้มีส่วนทำให้ลูกค้ารู้สึกยืดหยุ่นในการใช้งาน

อย่างที่กล่าวมาในข้างต้น Starbucks มีระบบการตลาดที่ดีมากๆ
มีการใช้ระบบ Starbucks Rewards ที่ให้ลูกค้ารับดาวสะสม เพื่อแลกรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ หรือได้รับของฟรีในเดือนเกิด
หรือแม้กระทั่งโปโมชั่นซื้อ 1 แถม 1 สำหรับสมาชิก ก็เป็นการจูงใจให้ลูกค้าหันมาใช้บัตรสมาชิกเพิ่มขึ้น
เมื่อลูกค้าใช้บัตรสมาชิกมาก ก็จูงใจให้เติมเงินลงไปในบัตรเพราะคิดว่าไหนๆก็ใช้จ่ายผ่านบัตรแล้ว 
และนั้นเป็นการทำให้ Starbucks มีเงินจำนวนมากที่อยู่ในบัตรสมาชิกไปด้วยนั่นเอง

ถือว่าเป็นวิธีหาเงินมาใช้แบบฟรีๆของ Starbucks ด้วยวิธีการฉลาดสุดๆไปเลย ...


ศูนย์รวมความรู้เรื่องหุ้น ศูนย์รวมนักลงทุนรายย่อย ที่อยากรู้วิธีการลงทุนในหุ้นอย่างถูกต้องและได้กำไรอย่างยั่งยืน ติดตามเราได้ที่

www.stock2morrow.com 

FB: stock2morrow 

LINE@stock2morrow

FacebookInstagramYoutubeLine

บทความอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง