เวลาเราพูดถึงธีมหุ้นเทคโนโลยี อุตสาหกรรมหนึ่งที่เรามักจะให้ความสนใจ คือ ธุรกิจประเภท Cybersecurity
และเมื่อเราพูดถึงธุรกิจ Cybersecurity เราก็มักจะจบลงที่หุ้นต่างประเทศ และสรุปเอาว่าหุ้นไทยไม่มีธุรกิจประเภทนี้
ซึ่งคำพูดนี้อาจจะไม่จริงซะทีเดียว
เพราะในตลาดหุ้นไทยมีธุรกิจที่ทำด้าน Cybersecurity โดยตรง
นั่นก็คือ SECURE หรือ บริษัท เอ็นฟอร์ซ ซีเคียว จำกัด (มหาชน)
SECURE ดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์โซลูชั่นด้านการรักษาความปลอดภัยทางเทคโนโลยีไซเบอร์ และธุรกิจให้บริการที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ที่บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่าย
โดยแบ่งผลิตภัณฑ์ที่บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่าย 4 ประเภท ได้แก่
1. ระบบรักษาความปลอดภัยของอุปกรณ์ผู้ใช้งานโดยตรง
2. ระบบรักษาความปลอดภัยบนเครือข่าย
3. ระบบการบริหารจัดการประสิทธิภาพ
4. ระบบหรือซอฟต์แวร์อื่นๆ ได้แก่ ซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับการเข้ารหัสข้อมูล ซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับการยืนยันและระบุตัวตน และซอฟต์แวร์ที่เกี่ยวข้องกับการจัดเก็บข้อมูล
ซึ่งรายได้หลักของบริษัท มาจากการเป็นตัวแทนขายผลิตภัณฑ์ Cyber Security กว่า 98%
ส่วนอีก 2 % เป็นรายได้อื่น ๆ จากการให้บริการหลังการขาย
ถ้าเราไปดูรายได้ที่ผ่านมา จะพบว่า ...
ปี 2563 บริษัทมีรายได้ 639 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 23.5 ล้านบาท
ปี 2564 บริษัทมีรายได้ 826 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 61.1 ล้านบาท
ปี 2565 บริษัทมีรายได้ 897 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 55.1 ล้านบาท
ปี 2566 บริษัทมีรายได้ 1.07 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 91.7 ล้านบาท
ข้อสังเกต คือ บริษัทมีผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในแง่ของรายได้
และกำไรที่กำลังพุ่งแตะระดับ 100 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรสุทธิ 8.56%
เรียกได้ว่ามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากรายได้ระดับ 600 ล้านบาท สู่รายได้ระดับ "พันล้านบาท"
และกำไรที่มีแนวโน้มจะแตะระดับร้อยล้านบาท ได้ในอนาคต
ท่ามกลาง Net Margin ที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
- กรณีศึกษา AWC กับกำไรที่ All Time High จากกลยุทธ์ "เปิด Hotel ก่อนเติม Retail"
- สรุป PRTR ธุรกิจจัดหางาน 6 พันล้าน ที่กำลังโตเร็วมากทั้ง Outsource และ Recruitment
- TIDLOR กับการเติบโตที่พอดี หุ้นที่ได้รับอานิสงค์จากวัฏจักรดอกเบี้ย "ขาลง"
คำถาม คือ นอกจากรายได้และกำไรที่เติบโตแล้ว
SECURE ยังมีจุดที่น่าสนใจอยู่ตรงไหน แล้วการเติบโตของธุรกิจมาจากอะไร
คำตอบ คือ มาจาก 3 ปัจจัยหลักด้วยกัน คือ
1. การใช้จ่ายด้าน Cybersecurity ของไทยจะมากขึ้นในปี 2567
จากรายงานของ Group-IB ซึ่งเป็นบริษัทที่ขายผลิตภัณฑ์ด้าน Cybersecurity ชั้นนำของโลก มีรายงานว่า ไทยอยู่ในลำดับที่ 3 ของเอเชีนที่โดนโจมตีด้วย Ransomeware
ทำให้เชื่อว่า Demand ด้าน Cybersecurity จะมีความต้องการมากขึ้น
สอดคล้องกับบทวิจัยของ Gartner ซึ่งเป็นบริษัทให้คำปรึกษาด้านเทคโนโลยีของสหรัฐอเมริกา มองว่า การลงทุนในส่วนของ Cybersecurity ในไทยจะเติบโตได้ราวๆ 12% ในปี 2567
2. ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2567 ของ SECURE จะเติบโตอย่างโดดเด่น
ในสถานการณ์ขาดแคลนชิป (Chip shortage) ที่ผ่อนคลายมากขึ้น ทำให้ความต้องการด้าน Cybersecurity กลับมาอยู่ในสภาวะปกติ
ในขณะที่ SECURE จะได้อานิสงค์จากราคาชิปที่กลับมายืนในระดับปกติ พร้อมกับการบริการที่มากขึ้น
ทำให้ภาพรวมของผลประกอบการของ SECURE เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
3. ภาพรวมทั้งปี 2567 ของ SECURE แตะ Record High ของบริษัท
เมื่อไม่นานมานี้ผู้บริหารตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ประมาณ 20% YoY
โดยแสดงความเห็นว่าความต้องการของลูกค้ายังมีต่อเนื่องถึงแม้เศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวลง
โดย SECURE จะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 19.6%
เท่ากับว่า เราจะเห็นรายได้ของบริษัทอยู่ที่ราวๆ 1.1 พันล้านบาท ซึ่งแตะจุดสูงสุดของบริษัทจากที่เคยทำได้
โดยมีแรงหนุนจากความต้องการใช้ Cybersecurity ที่มากขึ้น
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์อินโนเวสท์ เอกซ์ วิเคราะห์ว่า SECURE มีจุดเด่นคืออยู่ในอุตสาหกรรมที่มีการเติบโต
ราคาหุ้นไม่แพง เมื่อเทียบจาก P/E ที่ระดับ 13 เท่า ในขณะที่การเติบโตของกำไรสูงถึง 17%
และคาดว่าในปี 2567 กำไรมีแนวโน้มจะแตะระดับ 107 ล้านบาท ได้ไม่ยาก
ถือเป็น Upside ที่นักลงทุนมองข้ามไม่ได้
SECURE อยู่ในจุดที่น่าสนใจ ทั้งเรื่องของความสามารถของบริษัท
และอยู่ในอุตสาหกรรมที่เติบโต อีกทั้งยังเป็นธุรกิจประเภทเทคโนโลยีในตลาดหุ้นไทยที่ยังมีช่องว่าในการเติบโตอีกมาก เนื่องด้วยในไทยคู่แข่งที่อยู่ในธุรกิจ Cybersecurity ยังไม่มาก
ถือเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่นักลงทุนไม่ควรมองข้ามครับ ...
------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์อินโนเวสท์ เอกซ์
สรุปข้อสนเทศบริษัทจดทะเบียน : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย