ผลประกอบการของ TIDLOR หรือ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน)
ออกมาได้อย่างน่าประทับใจ
โดยปี 2566 บริษัทมีรายได้ 18.97 พันล้านบาท และกำไรสุทธิสูงถึง 3.79 พันล้านบาท
คำถามคือ ในปี 2567 หุ้น TIDLOR จะเป็นอย่างไรต่อไป
คำตอบ คือ มีการเติบโตที่พอดี และเป็นหุ้นที่ได้รับอานิสงค์จากวัฏจักรดอกเบี้ย "ขาลง"
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส วิเคราะห์หุ้น TIDLOR กับการเติบโตในปี 2567
ออกเป็น 5 ประเด็นหลักๆด้วยกัน คือ
1. เป้าหมายการเติบโตด้านธุรกิจสินเชื่อ
เป้าหมายการเติบโตของ TIDLOR ด้านสินเชื่อน่าจะเติบโตได้ราวๆ 15% YoY จากผลของฤดูกาล และสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง รวมถึงแรงส่งจากการใช้จ่ายของภาครัฐ หนุนความต้องการใช้รถเชิงพาณิชย์มากขึ้น
2. Cost of Fund ต้นทุนทางการเงินมีแนวโน้มลดลง
ฝ่ายวิจัยคาดว่าช่วงครึ่งปีหลัง 2567 น่าจะเห็น กนง. มีการลดดอกเบี้ย
ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดัน Cost of Fund ให้ลดลง
3. Cost to income ratio ที่ลดลง
Cost to income ratio คือ ค่าใช้จากในการดำเนินงานเทียบกับรายได้ดอกเบี้ยสุทธิรวมกับรายได้อื่นที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยสุทธิ
ซึ่งฝ่ายวิจัย มองว่า มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2566 อยู่ที่ 55%
ในขณะที่ปี 2567 น่าจะอยู่ราวๆ 54% ซึ่งลดลงมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา (ปี 2563 อยู่ที่ 61.5%)
4. รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ เติบโต 9% YoY
ฝ่ายวิจัยมองว่า รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการมีแนวโน้มเติบโต 9% YoY โดยหลักมาจากนายหน้าประกันภัย
5. Credit Cost
Credit Cost คือ ต้นทุนความเสี่ยงของสินเชื่อที่ไม่ได้รับการชำระคืนเงินต้น และดอกเบี้ย
ซึ่งฝ่ายวิจัยมองว่า TIDLOR มี Credit Cost อยู่ในกรอบที่พร้อมรองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ
- NRF ร่วมดัน Soft Power อาหารไทย เปิดซุปเปอร์มาร์เก็ตในลอนดอนเพิ่ม 12 สาขา ก้าวสู่ผู้นำ Omni Channel
- เป้าหมายของ TRUE 2567 คือการตั้งเป้าบริษัทจะมีกำไรในปีนี้
- กรณีศึกษา MC กับการเติบโต โตเท่าตัวอย่างไร ในปีที่เต็มไปด้วยความท้าทาย
โดยสรุปแล้ว TIDLOR ถือเป็นอีกหนึ่งหุ้นที่ฝ่ายวิจัยมีมุมมองในเชิงบวก
โดยคาดว่า ปี 2567 กำไรสุทธิน่าจะอยู่ที่ 4.47 พันล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโต +18% YoY
และถือเป็นหุ้นที่น่าสนใจท่ามกลางแรงกดดันที่ กนง. อาจจะลดดอกเบี้ย ประเทศไทยกำลังเข้าสู่วัฏจักรดอกเบี้ยขาลง
รวมถึงอานิสงค์จากการใช้จ่ายของภาครัฐ ที่กระตุ้นความต้องการใช้รถในเชิงพาณิชย์
TIDLOR คืออีกหนึ่งหุ้นที่นักลงทุนไม่ควรมองข้ามครับ
------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส