ต้องยอมรับว่าผลประกอบการของ TRUE ในปี 2566 ไม่ดีเท่าไรนัก
ถ้าดูจากตัวเลขอย่างเดียวก็ต้องบอกว่า "ขาดทุนหนัก"
โดยผลประกอบการออกมาขาดทุนหนักถึง 1.45 หมื่นล้านบาท ในปี 2566
ซึ่งผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2566 เพียงไตรมาสเดียวจะขาดทุนหนักถึง 1.1 หมื่นล้านบาท
แย่ลงมากจากที่ขาดทุนสุทธิในไตรมาส 4 ปี 2565 ที่ขาดทุน 9.9 พันล้านบาท
และขาดทุน 1.59 พันล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2566
แต่ถ้าเราไปดูคำอธิบายผลประกอบการจริงๆ จะพบว่าการขาดทุนหนักๆ เป็นการขาดทุนที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว
ในทางกลับกัน ถ้าเราดูเฉพาะผลประกอบการเฉพาะธุรกิจอย่างเดียว ปรากฏว่า ธุรกิจหลักมีแนวโน้ม "ดีขึ้นเรื่อยๆ"
ซึ่งหากไม่รวมผลกระทบที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว ...
จะขาดทุนสุทธิหลังหักภาษี อยู่ที่ 379 ล้านบาท ปรับตัวดีขึ้น 1,219 ล้านบาท จากไตรมาสก่อน เลยทเดียว
ข้อสังเกตที่น่าสนใจ คือ ในปี 2567 TRUE จะมีสภาพทางการเงินที่คล่องตัวขึ้นกว่าเดิมด้วยต้นทุนที่จ่ายน้อยลง
จะเห็นได้ว่าหลังการควบรวมกันระหว่าง TRUE + DTAC จะมีต้นทุนในการควบรวมทุกไตรมาสที่ต้องจ่ายสูงขึ้นมาก
แต่นั้นก็ถือเป็นประโยชน์ต่อบริษัท คือ ต้นทุนระยะยาวที่ค่อยๆลดลง จำนวนฐานผู้ใช้บริการจะเพิ่มขึ้นมหาศาล
และ TRUE ยังมี Economies of Scale ที่จะช่วยผลักดันศักยภาพการแข่งขันให้ไปข้างหน้า เช่น โครงข่ายสัญญาณ, บริการ, ช่องทางการขาย, งบการตลาดและโปรโมชัน
ถ้าเราลองสังเกตค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน (OPEC) ในปี 2566 ลดลงถึง 11.2%
ในขณะที่ EBITDA เติบโตถึง 6.7% และ EBITDA Margin ที่สูงถึง 55.4%
ไม่เพียงแค่นั้น ผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ รวมทั้งหมด 51.9 ล้านเลขหมาย เพิ่มขึ้นถึง 5 แสนราย
ซึ่งการเพิ่มขึ้นของจำนวนลูกค้า จะส่งผลดีอย่างมากต่อ TRUE ไม่เพียงแค่รายได้ที่เพิ่มมากขึ้น
แต่ยังเป็นการเพิ่มฐานลูกค้าให้เข้าถึงการให้บริการประเภทอื่นๆของ TRUE ได้อย่างต่อเนื่อง
สำหรับ ARPU หรือรายได้เฉลี่ยต่อลูกค้า 1 คน ในไตรมาส 4 ของ TRUE อยู่ที่ 494 บาทต่อเดือน
เพิ่มขึ้น 3.4% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
- TRUE ขาดทุนหนัก แต่ทำไมหุ้น +11% ภายในวันเดียว ?
- สรุปประเด็น DCC Fee เสียเพิ่มอีก 1% เมื่อซื้อของต่างประเทศ
- AJA จากธุรกิจขายเครื่องเล่น DVD ตอนนี้ทำธุรกิจอะไร ?
พูดง่ายๆ คือ ผลประกอบการของ TRUE เริ่มเด่นชัดมากขึ้น
ต้นทุนธุรกิจของ TRUE จะลดลงเรื่อย ๆ แต่จำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น
พร้อมกับการมองเห็นการ Synergy ระหว่าง TRUE+DTAC
ทำให้มุมมองของบริษัทที่ประกาศว่า ตั้งเป้าจะมีกำไรให้ได้ในปี 2567 มีแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นจริงได้ ...
นายนกุล เซห์กัล หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการเงิน (ร่วม) บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยโดยคาดว่าจะสามารถทำกำไร ภายหลังการปรับปรุง (Normalized) ได้ในปี 2567 พร้อมกับตั้งเป้าอัตราการเติบโตต่าง ๆ ได้อย่างน่าสนใจ เมื่อเทียบกับปี 2566
คาดว่ารายได้จากการให้บริการไม่รวมรายได้ค่าเชื่อมต่อโครงข่าย (IC) จะมีการเติบโต 3-4% และ EBITDA จะมีการเติบโต 9-11% เป้างบลงทุน หรือ CAPEX ประมาณการไว้ที่ 3 หมื่นล้านบาท
TRUE จากหุ้นที่ขาดทุนทุกปี
แต่ปี 2567 การ Synergy เริ่มเด่นชัดขึ้น เท่ากับว่า TRUE กำลังมาถูกทางอย่างที่ตั้งเป้าไว้
ต้นทุนธุรกิจค่อนๆลดลง จำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้น รายได้เพิ่มขึ้น EBITDA ที่โตอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงธุรกิจและการให้บริการที่ตอบโจทย์ไลฟสไตล์คนยุคใหม่
TRUE ถือเป็นอีกบริษัทที่นักลงทุนต้องจับตากันอย่างใกล้ชิดครับ ...