หลังจากการเข้ารวมกิจการกับ ESSO หุ้น BCP ก็น่าจะเป็นหุ้นอีกตัวที่ไม่ได้ถูกกล่าวถึงเท่าไรนักในแวดวงของการลงทุน
ส่วนหนึ่ง น่าจะเป็นเรื่องของตลาดหุ้นไทยที่ดูเงียบเหงา ไม่ได้คึกคักเหมือนในอดีต
และอีกส่วนหนึ่ง น่าจะเป็นผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2566 ของ BCP ที่ออกมาค่อนข้างน่าผิดหวัง
ถ้าเราไปดูผลประกอบการเต็มปี 2566 ของ BCP จะพบว่ารายได้อยู่ที่ 3.96 แสนล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 1.32 หมื่นล้านบาท
ถือว่าดีกว่าในหลายๆปีที่ผ่านมา
แต่ถ้าเราไปดูเฉพาะไตรมาส 4 ปี 2566 จะพบว่า "ขาดทุนสุทธิ" อยู่ที่ 977 ล้านบาท จากที่เคยกำไร 1.1 หมื่นล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2566
ซึ่งหลักๆมาจาก 3 เหตุผลด้วยกัน คือ
1. ขาดทุนสต็อกน้ำมัน 993 ล้านบาท
2. ขาดทุน Hedging 719 ล้านบาท
3. ด้อยค่าสินทรัพย์ปิโตรเลียม Yme และ Statfjord ประมาณ 6.2 พันล้านบาท
ในทางกลับกัน ถ้าเราตัดขาดทุนพิเศษออกไป กำไรจากการดำเนินงานของ BCP จะอยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท ลดลด -59% QoQ และ -22% YoY
อย่างไรก็ตาม ถ้าเราดูย้อนหลังออกไป จะพบว่า ผลประกอบการของ BCP ก็มีการเติบโตที่น่าประทับใจในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
เป็นการพิสูจน์ได้ว่า บริษัทมีความแข็งแกร่งของกำไรถึงแม้จะเจอกับสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ผันผวน
ราคาหุ้นของ BCP ก็ยังปรับตัว Outperform ตลาดได้
โดย ราคาหุ้น +31% ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา
และถ้ามองยาวขึ้น คือ 5 ปี จะพบว่าราคาหุ้น +33% เข้าไปแล้ว ...
สอดคล้องกับบทวิเคราะห์หลักทรัพย์อินโนเวสท์ เอกซ์ ที่มองว่าผลประกอบการของ BCP ที่ดีที่สุดยังมาไม่ถึง
จาก 3 ปัจจัยกระตุ้น ประกอบไปด้วย
1. กำไรจะปรับตัวดีขึ้น ในไตรมาส 1 ปี 2567
ฝ่ายวิจัย มองว่า ค่าการกลั่นและราคาน้ำมัน จะมีเสถียรภาพมากขึ้น จะช่วยสนับสนุนกำไรของ BCP ให้เติบโตต่อไป
และยังได้รับแรงสนับสนุนจาก BSRC (เดิมชื่อ ESSO) ไม่ว่าจะเป็นปริมาณขายน้ำมันที่เพิ่มขึ้น ธุรกิจ E&P ที่ดีขึ้นจากกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น
และจำนวนสถานีบริการน้ำมันที่เพิ่มขึ้น
จะเป็นตัวช่วยขับเคลื่อนกำไรของ BCP ให้เติบโตอย่างเด่นชัด
2. การขยายธุรกิจการตลาด
ธุรกิจค้าปลีกของ BCP มีแนวโน้มดีขึ้น จากการรวมกันกับ BSRC และสถานีบริการน้ำมันที่เพิ่มขึ้น
อีกทั้งในปี 2567 บริษัทต้ังเป้าเปิดสถานีบริการใหม่อีก 40 สถานี
เท่ากับว่าสิ้นปี 2567 บริษัทจะมีสถานีบริการน้ำมันมากถึง 2,259 สถานี ทำให้ปริมาณขายของธุรกิจการตลาดเพิ่มขึ้นอีกราวๆ 60% YoY เลยทีเดียว
- เกิดอะไรขึ้นกับ BCP ? สรุปประเด็น Statfhord แบบเข้าใจง่าย
- กรณีศึกษา BCP หุ้นขึ้น 38% ใน 1 ปี ไขสาเหตุที่ทำให้หุ้น Outperform ตลาด
- สรุป PRTR ธุรกิจจัดหางาน 6 พันล้าน ที่กำลังโตเร็วมากทั้ง Outsource และ Recruitment
3. มูลค่าหุ้น ถือว่าไม่แพง
ฝ่ายวิจัยมองว่า หุ้น BCP เป็นหุ้นที่มี Valuation ไม่แพง
จากการซื้อขายบน EV/EBITDA 4.7 เท่า และ P/E ราวๆ 4.4 เท่า พร้อมกับการจ่ายเงินปันผลประมาณ 4.7%
ถ้าสมมุติว่าบริษัทเติบโตไปได้ตามเป้า การจ่ายเงินปันผลก็มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น
อาจจะทำให้การจ่ายเงินปันผลของ BCP สูงราวๆ 6-7% ได้เลยทีเดียว
(EV/EBITDA หรือ Enterprise Multiple เป็นตัวเลขที่แสดงให้เห็นถึงมูลค่าความถูกแพงของหุ้น จากการวัดความสามารถในการทำกำไรของบริษัท โดยนำมูลค่าของกิจการ (EV) มาเปรียบเทียบกับกำไรก่อนหักค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยภาษี ค่าเสื่อม และ ค่าตัดจำหน่าย (EBITDA)
ถ้า EV/EBITDA ยิ่งน้อย แสดงว่าบริษัทนั้นมีราคาถูก)
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์อินโนเวสท์ เอกซ์ จึงสรุปว่า BCP เป็นหุ้นที่น่าสนใจทั้งในแง่ของการเติบโต และ Valuation ที่ไม่แพง
และแนวโน้มกำไรแข็งแกร่ง มีธุรกิจที่หลากหลาย
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์หยวนต้า วิเคราะห์ว่า แนวโน้มไตรมาส 1 ปี 2567 BCP น่าจะพลิกกลับมามีกำไรได้ไม่ยาก
จากการฟื้นตัวจากธุรกิจโรงกลั่น ธุรกิจการตลาด และธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ
หลักๆ คือ ไม่มีการด้อยค่้าสินทรัพย์จำนวนมากอีกแล้ว และขาดทุนจากสต็อกน้ำมันไม่เกิดขึ้นอีก
ดังนั้น ผลประกอบการของปี 2567 ยังอยู่ในภาพที่ดี มีการเติบโต และยังได้รับอานิสงค์จากการรวมกิจการกับ BSRC
ซึ่งจะทำให้ BCP มี Economy of Scale จากสถานีบริการน้ำมันเพิ่มขึ้น กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น
อนึ่ง BCP ประกาศจ่ายเงินปันผล 1.5 บาทต่อหุ้น และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 24 เมษายน ปี 2567 หรือคิดเป็น Dividend Yield ราวๆ 4.7%
เรียกได้ว่าเป็นหุ้นที่มี Growth ที่น่าสนใจในอนาคต และการจ่ายเงินปันผลของหุ้นก็อยู่ในระดับที่เรียกว่า "ดี"
เป็นอีกหนึ่งหุ้นพื้นฐานที่ดีที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม
------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์อินโนเวสท์ เอกซ์