อุตสาหกรรมหนึ่งที่เคยเป็นที่นิยมของนักลงทุน คือ อุตสาหกรรมอาหาร
เนื่องจากว่าเป็น "ปัจจัย 4" ที่ผู้คนต้องกินทุกวัน และสามารถกลับมากินซ้ำได้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลที่ "หุ้นอาหาร" จะเป็นที่น่าสนใจของนักลงทุนในอดีต
แต่ในปัจจุบัน ภาพของหุ้นอาหารเปลี่ยนไปค่อนข้างมาก เพราะมีปัจจัยแวดล้อมที่ควบคุมไม่ได้หลายอย่างส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทไม่ได้ดีอย่างที่คิด
และหุ้นตัวหนึ่งเป็นที่จับตาของนักลงทุน คือ CPF หรือ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)
ที่หลายปีมานี้ราคาหุ้นลดลงอย่างต่อเนื่องทุกปี จนมาแตะจุดต่ำสุดที่ระดับราคา 18 บาท
ด้วยสาเหตุที่ผลประกอบการในปี 2566 ขาดทุนอย่างหนัก
โดย CPF ประกาศผลประกอบการล่าสุด 5.2 พันล้านบาท จากเดิมที่เคยกำไรในปี 2565 อยู่ที่ 13.96 พันล้านบาท
ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่า CPF ขาดทุนหนักมาจากอะไร ?
คำตอบสั้นๆที่พอจะอธิบายได้ คือ เรื่องของปัญหาเนื้อสัตว์ราคาตกต่ำ จากปัญหาหมูเถื่อนล้นตลาด
ถ้าดูจากผลประกอบการเฉพาะไตรมาส 4 ปี 2566 จะมีกำไรอยู่ที่ 121 ล้านบาท พลิกจากขาดทุน 1.8 พันล้านบาท ในไตรมาส 3 ปี 2566 และขาดทุน 889 ล้านบาท ในไตรมาส 4 ปี 2565
โดยสาเหตุที่พลิกกลับมามีกำไร คือ รับรู้กำไรพิเศษ จาการขายธุรกิจในจีน 7.45 พันล้านบาท
ซึ่งหมายความว่า ถ้าไม่รวมกำไรพิเศษ CPF จะขาดทุนสุทธิ หนักถึง 7.33 พันล้านบาท ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดของปี !
ไม่เพียงแค่นั้น ถ้าเราไปดูผลประกอบการเพิ่มเติมจะพบปัจจัยลบอีกมาก ไม่ว่าจะเป็น
1. ยอดขายที่ลดลง 7% YoY มาอยู่ที่ 1.47 แสนล้านบาทจากปัญหาราคาหมูไก่ที่ลดลง
2. อัตรากำไรขั้นต้นลดลงเหลือ 9.2% จากเดิมที่ทำได้ราวๆ 10-11%
ในขณะที่ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ SG&A ที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างมาก บ่งบอกว่ายังควบคุมค่าใช้จ่ายได้ไม่ดี
3. ดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้น 14.4% YoY อยู่ที่ 6.9 พันล้านบาท
4. ส่วนแบ่งกำไรบริษัทรวม ลดลงค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในประเทศจีน (CPI) ที่ขาดทุนค่อนข้างหนัก
โดยภาพรวม ผลประกอบการของ CPF อ่อนแอมาก จากปัญหาราคาเนื้อสัตว์ตกต่ำ
เรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาของความท้าทายของ CPF ก็อาจจะไม่ผิดมากเท่าไรนัก
- เป้าหมายของ TRUE 2567 คือการตั้งเป้าบริษัทจะมีกำไรในปีนี้
- สรุปหุ้น PTT ปี 2567 โอกาสอยู่ที่ตรงไหน ?
- ความแตกต่างระหว่าง หุ้น Growth Vs.หุ้น Corner
คำถามต่อมา คือ แล้ว CPF จะกลับมาฟื้นตัวได้เมื่อไร ?
คำตอบ คือ ในปี 2567 นักลงทุนน่าจะได้เห็นผลประกอบการของ CPF พลิกกลับมามีกำไร ...
ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2567 ราคาเนื้อสัตว์เริ่มฟื้นตัวจากเทศกาลปีใหม่ และเทศกาลตรุษจีนที่ทำให้การบริโภคเพิ่มสูงขึ้น
ในขณะที่ต้นทุนการเลี้ยงลดลง โดยเฉพาะราคาอาหารสัตว์
ดังนั้น นักลงทุนจะเห็นการฟื้นตัวของ CPF แบบค่อยเป็นค่อยไป
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส คาดว่า ผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2567 น่าจะยังเห็นผลประกอบการที่ "ขาดทุน"
แต่เป็นการขาดทุนที่ลดลง
สาเหตุเป็นเพราะว่า CPF มีแผนในการปรับโครงสร้างธุรกิจ ชะลอแผนการลงทุน เน้นบริหารประสิทธิภาพให้ดีขึ้น ลดค่าใช้จ่าย และขายกิจการที่ไม่กำไรกำไรออกไป
ดังนั้น บทวิเคราะห์เชื่อว่า ยอดขายของ CPF จะเพิ่มขึ้น
รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
ความคาดหวังทื่จะพลิกกลับมามีกำไร น่าจะอยู่ช่วงครึ่งหลังของปี 2567 เป็นต้นไป
ฝ่ายวิจัย ยังคาดอีกด้วยว่า ในปี 2567 CPF จะพลิกกลับมามีกำไรราวๆ 5.19 พันล้านบาท
จากเดิมที่ขาดทุน 5.2 พันล้านบาทในปี 2566
CPF คือหุ้นที่กำลังอยู่ในช่วงของความท้าทายของการดำเนินธุรกิจ
โดยผลประกอบการที่ขาดทุน ก็สอดคล้องกับราคาหุ้นที่ลดลง
ซึ่งถ้าใครติดตามราคาหุ้นจะพบว่า ปรับตัวลดลไปแล้ว -19% ในรอบ 12 เดือน
หรือถ้าใครถือมานานกว่า 5 ปี จะต้องขาดทุนไปมากถึง -30%
เรียกได้ว่าตอบรับข่าวร้ายไปมากแล้วระดับหนึ่ง
สิ่งที่นักลงทุนต้องติดตามต่อไป คือ บริษัทจะต้องพลิกกลับมามีกำไรให้ได้ในปี 2567
ถ้าไม่อย่างนั้น แนวโน้มของราคาหุ้นก็น่าจะยังเป็นขาลงอยู่ต่อไป
------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส