ถ้าใครที่ติดตามราคาหุ้น JMART อย่างใกล้ชิด จะพบว่าค่อนข้าง Underperform ตลาดพอสมควร
โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ราคาหุ้นปรับตัวลงไปแล้ว -17%
ก็น่าจะเป็นสัญญาณบอกนักลงทุนแล้วว่าผลประกอบการของปี 2566 ไม่ค่อยจะดีเท่าไร
แล้วก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะ JMART ประกาศผลประกอบการขาดทุน 447 ล้านบาท
จากปี 2565 ที่บริษัทมีกำไรราวๆ 1.79 พันล้านบาท
คำถาม คือ ผลประกอบการที่ขาดทุนครั้งนี้ บอกอะไรเรา ?
คำตอบ ก็คือ ผลประกอบการเริ่มมีการฟื้นตัว แต่เป็นการฟื้นตัวแบบช้าๆ
พูดง่ายๆ คือ ผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
ในปีนี้ถือเป็นอีกปีที่ท้าทายของ JMART ที่ยังมีความไม่แน่นอนอยู่จำนวนมาก ...
สรุปสาระสำคัญของผลประกอบการ ปี 2566 ที่อยากจะเล่าสู่กันฟัง
1. รายได้ปี 2566 อยู่ที่ 13.74 พันล้านบาท ลดลงเล็กน้อย -1.3%
2. ต้นทุนขาย 2566 อยู่ที่ 9.13 พันล้านบาท ลดลง -5% บ่งบอกว่าบริษัทพยายามควบคุมต้นทุนอย่างมาก
3. ต้นทุนขายลดลงก็จริง แต่ SG&A เพิ่มขึ้นมากราวๆ 20% จากปี 2565
4. ผลการดำเนินงานฟื้นตัวอย่างเชื่องช้า
โดยกำไรจากธุรกิจหลัก เพิ่มขึ้น 3%QoQ แต่ลดลง -9% YoY เนื่องจากผลประกอบการ JMT, Jas Asset และธุรกิจ Jmart Mobile ฟื้นตัวได้ช้า
5. ธุรกิจ Singer แทบไม่มีกำไรส่งเข้าบริษัทเลยตั้งแต่ไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ปี 2566
6. ธุรกิจ BRR และ SGC มีผลขาดทุน
7. ที่โดดเด่น คือ ธุรกิจสุกี้ตี๋น้อย (BNN)
โดยในรายงานอธิบายว่า JMART ถือหุ้นอยู่ 30% ซึ่งสุกี้ตี๋น้อยมีผลกำไรรวม 913 ล้านบาท
ถ้าคิดตามสัดส่วน JMART จะได้กำไรราวๆ 274 ล้านบาท
ปัจจุบันสุกี้ตี๋น้อย มีสาขา 55 สาขา เปิดเพิ่มอีก 13 สาขา โดยขยายไปยังต่างจังหวัดมากขึ้น
ในคำอธิบายผลประกอบการ มีมุมมองต่อธุรกิจในปี 2567 ไว้ว่า
ปี 2567 บริษัทมุ่งมั่นที่จะผลักดันผลประกอบการให้ดีขึ้นจากปี 2566 ที่ผ่านมา
โดยในปี 2566 ที่ผ่านมาธุรกิจในส่วนของบริษัทร่วม ซิงเกอร์ ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด ที่ทำให้ลูกหนี้มีความสามารถในการชาระหนี้ลดลง
ทั้งนี้ ในปี 2566 ที่ผ่านมาในส่วนธุรกิจดังกล่าว
ได้มีการปรับเปลี่ยนการดาเนินงาน และสร้างการรัดกุมให้กับกระบวนการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น และได้มีการตั้งสารองไว้เพื่อครอบคลุมความเสี่ยงจากธุรกิจการปล่อยสินเชื่อไว้เพียงพอแล้ว
สาหรับในส่วนของธุรกิจอื่นๆ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัท เช่น ธุรกิจบริหารและติดตามหนี้ด้อยคุณภาพ ภายใต้การบริหารของบริษัท JMT ในปี 2567 นี้ บริษัทมีมุมมองในด้านการเติบโตที่จะไม่น้อยไปกว่า ปี 2566 ที่ผ่านมา
เนื่องจาก ในปี 2566 ที่ผ่านมา JMT ได้มีการเข้าซื้อประมูลหนี้ด้อยคุณภาพมาบริหารได้สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์
และหนี้ด้อยคุณภาพดังกล่าว เป็นหนี้แบบไม่มีหลักประกัน ซึ่ง JMT จะติดตามกระแสเงินสดรับ ในปีนี้อย่างเต็มปี
- KEX และ JMART กำลังทำให้ราคาหุ้น VGI วิกฤต !!
- สรุปประเด็น JMART ในวันที่บริษัทลูกกำลังกดดันผลประกอบการ
- เล่าประเด็นหุ้น BTS เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงขาดทุน ?
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เคจีไอ มีมุมมองต่อผลประกอบการ JMART อยู่ในเชิงลบ
และสถานการณ์ของบริษัทก็ยังอยู่ในช่วงท้าทาย ระยะต่อไปคือการปรับประมาณการลดลง
โดย ฝ่ายวิจัย ปรับราคาเป้าหมายลง และปรับกำไรลงอีกราวๆ 15% ในปี 2567 และลดลงอีก 25% ในปี 2568
ฝ่ายวิจัย มองว่าธุรกิจ SINGER , JAS asset ,Jmart Mobile และ JMT มีผลประกอบการที่อ่อนแอเกินคาด
และบริษัทย่อยเหล่านี้ต้องใช้เงินทุนจำนวนมากเพื่อต่อยอดธุรกิจต่อไป
ซึ่งเป็นความท้าทายของ JMART จะระดมทุนอย่างไรในสภาวะที่ตลาดตราสารหนี้มีความเสี่ยงและความน่าเชื่อถือที่ลดลง
ดังนั้น ฝ่ายวิจัย มองว่า ค่า P/E ของ JMART ควรจะปรับลดลง
และความเสี่ยงในเรื่องของการระดมทุนก็อาจจะไม่ได้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
อนึ่ง JMART ประกาศงดจ่ายเงินปันผล
------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เคจีไอ
คำอธิบายและวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ ประจำปี : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย