ปัจจัยอย่างหนึ่งที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยขึ้นได้ยาก และกลายมาเป็นตลาดหุ้นที่ให้ผลตอบแทนแย่ที่สุดในปี 2566
น่าจะมาจากเรื่อง Algorithmic Trading หรือที่เรียกว่าโปรแกรมเทรดอัตโนมัติ
และ High-frequency trading จากนักลงทุนต่างประเทศ
โดยเฉพาะเรื่องของธุรกรรมการทำ Short Selling หุ้นไทย ที่มีมาอย่างต่อเนื่อง
ทำให้ตลาดหุ้นไทยผันผวน และมูลค่าซื้อขายของหุ้นไทยลดลงเรื่อยๆ
สถิติตั้งแต่เดือนกันยายนปี 2566 พบว่า Algorithmic Trading มีปริมาณการซื้อขายเพิ่มเป็น 35%
จากเดิมอยู่ราวๆ 20% เท่านั้น
และวอลุ่มส่วนใหญ่มาจากต่างชาติสูงถึง 51%
ในขณะที่นักลงทุนรายย่อย นักลงทุนสาถบัน และพอร์ตโบรกเกอร์ มีปริมาณซื้อขายรวมกันเพียงแค่ 49% เท่านั้น
ดังนั้น ทางการอาจจะต้องมีมาตรการอะไรสักอย่างหนึ่งเพื่อทำให้ตลาดหุ้นไทยกลับมาดีได้เหมือนเดิม
ล่าสุด ตลท. เตรียมเพิ่มกลไกควบคุม short selling-program trading เพื่อยกระดับการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้มีความโปร่งใส และเสริมสร้างความเป็นธรรมของผู้ลงทุนทุกประเภท
เบื้องต้น ตลท.จะมีการดำเนินการใน 4 ด้าน คือ
1. การควบคุม (Control)
การเพิ่มกลไกการควบคุม program trading และลดความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ ทั้งในภาพรวมและในกรณี short selling เช่น การกำหนดแนวทางในการติดตามการทำธุรกรรม short selling หรือ
การมีกลไกควบคุมราคาเพื่อลดความผันผวนของราคาหลักทรัพย์
2. การรายงาน (Reports)
การปรับปรุงรายงาน short selling เพื่อให้ทราบถึงรายละเอียดและการติดตามได้ง่ายขึ้น รวมถึงการเปิดเผยต่อสาธารณชน
3. การติดตามและการบังคับใช้กฎเกณฑ์ (Monitoring & Enforcement)
โดยการเน้นย้ำความคาดหวังต่อบริษัทสมาชิกในการดูแลให้ผู้ลงทุนปฏิบัติตามเกณฑ์ รวมทั้งปรับบทลงโทษให้มีความเข้มข้น
4. การแบ่งความรับผิดชอบ (Responsibility)
ซึ่งจะมีการนำเสนอกำหนดขอบเขตหน้าที่ความรับผิดชอบของหน่วยงานกำกับดูแลและตลาดหลักทรัพย์ฯ ในการดูแลการทำ short selling และ program trading ให้สอดคล้องกับสากล เพื่อให้หน่วยงานกำกับดูแลสามารถลงโทษต่อผู้กระทำผิดได้โดยตรงและรวดเร็ว
เรียกได้ว่าเป้าหมายของ ตลท. คร้ังนี้ คือ การเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนกลับมา
และสิ่งที่จะตามมาคือ หนุนให้มูลค่าซื้อขายกลับมาคึกคักเพิ่มมากขึ้น
- หุ้นไทยเดือนกุมภาพันธ์ เริ่มมีความหวัง ให้ความสำคัญกับ Stock Selection
- สรุปทำไมอัตราดอกเบี้ย ถึงกระทบกับการลงทุนในหุ้น
- ซื้อหุ้นต่ำ P/BV ต่ำกว่าเจ้าของ อาจจะไม่ได้ถูกต้องเสมอไป
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส แสดงความคิดเห็นว่า มูลค่าการซื้อขายจะต้องเกินกว่า 5 หมื่นล้านบาท
หรีอพูดง่ายๆ คือ Turnover สูงเกิน 70%
ถึงจะทำให้ตลาดหุ้นไทยกลับมาปรับตัวขึ้นได้อย่างมั่นคง
ถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว ตลาดหุ้นไทยอาจจะต้องผันผวนต่อไปอีกสักระยะ ...
ก็หวังว่ามาตรการครั้งนี้ ของ กลต. โดยเฉพาะเรื่องของการควบคุม Short Sell และ Algorithmic Trading
จะกลับมาสร้างความมั่นใจให้กับตลาดหุ้นไทยได้อีกครั้งครับ
------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส