เรามักจะได้ยินนักวิเคราะห์พูดอยู่เสมอว่า
ดอกเบี้ยขึ้น หุ้นมักจะลง
ดอกเบี้ยลง หุ้นมักจะขึ้น
ทำไมถึงเป็นแบบนั้น การขึ้นลงของอัตราดอกเบี้ยสามารถผลักดันให้ตลาดหุ้นขึ้นหรือลงได้อย่างนั้น หรือ ?

คำตอบ คือ ใช่
โดยเราสามารถอธิบายได้ 2 ลักษณะด้วยกัน คือ

1. ต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น และลดลง มีผลต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียน
เราลองคิดดูว่า ถ้าแบงก์ชาติมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 
แสดงว่าดอกเบี้ยเงินฝาก ดอกเบี้ยหุ้นกู้ ดอกเบี้ยธนาคาร จะต้องมีการปรับตัวสูงขึ้น (ผู้กู้ยืมจ่ายเงินมากขึ้น)
เมื่อบริษัทมีการกู้ยืมเงิน ก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยที่แพงขึ้น
เมื่อบริษัทจ่ายดอกเบี้ยแพงขึ้น ก็จะไปกระทบกับผลประกอบการของบริษัท

ในทางกลับกัน ถ้าแบงก์ชาติมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย
แสดงว่าดอกเบี้ยที่กล่าวมาข้างต้น ปรับตัวลดลง (ผู้กู้ยืมจ่ายเงินน้อยลง)
เมื่อบริษัทมีการกู้ยืมเงิน ก็ต้องจ่ายดอกเบี้ยที่ลดลง
เมื่อบริษัทจ่ายดอกเบี้ยลดลง ผลประกอบการของบริษัทก็จะมีกำไรที่มากขึ้น
เมื่อบริษัทมีกำไรมากขึ้น ราคาหุ้นก็มักจะขึ้นตามมาในภายหลัง

ดังนั้น ไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักลงทุนมองว่า 
เมื่อแบงก์ชาติปรับขึ้นดอกเบี้ย บริษัทจดทะเบียนกู้เงินมาด้วยต้นทุนที่สูงขึ้น ย่อมกระทบกับผลประกอบการในทางลบ ราคาหุ้นก็จะลง
แต่ถ้าแบงก์ชาติปรับลดดอกเบี้ย บริษัทจดทะเบียนกู้เงินมาด้วยต้นทุนที่ถุกลง ผลประกอบการของบริษัทดีขึ้น ราคาหุ้นก็มักจะขึ้นตามไปด้วย

2. "เงิน" จะไหลไปยังที่มีผลตอบแทนสูงกว่า 
ในโลกการเงินจะมีคำกล่าวที่ว่า "เงิน" จะไหลไปยังสถานที่ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ในระดับความเสี่ยงที่ใกล้เคียงกัน
ช่วงที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ นักลงทุนก็มีการแบ่งส่วนของเงินมาลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้นเพื่อหาผลตอบแทนชดเชยส่วนของผลตอบแทนของดอกเบี้ยที่ลดลง
ถ้าหากอัตราดอกเบี้ยมีการปรับตัวสูงขึ้น เงินบางส่วนก็จะไหลกลับไปอยู่ในเงินฝาก ตราสารหนี้ภาครัฐ หรือแม้แต่หุ้นกู้มากขึ้น 
เพราะนักลงทุน มองว่า ความเสี่ยงต่ำกว่าแต่ได้ผลตอบแทนมากขึ้น ย่อมดีกว่าลงทุนในหุ้นที่มีความผันผวนทางด้านราคาที่มากกว่า นั่นเอง
 

ในเวลานี้ จุดสูงสุดของดอกเบี้ยน่าจะผ่านพ้นไปแล้ว
หลังจากนี้น่าจะเป็นเรื่องของการปรับลดดอกเบี้ยมากกว่า 
คำถามสำคัญ คือ เมื่อไร น่าจะยังไม่มีใครตอบได้ 
แต่ถ้ามีการปรับลดดอกเบี้ยลงเมื่อไร ย่อมจะส่งผลเชิงบวกต่อสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้น แน่นอนครับ