ต้องยอมรับว่าปี 2567 น่าจะเป็นอีกหนึ่งปีที่ท้าทายของตลาดหุ้นไทย
หลังจากที่ SET Index ค่อนข้าง Underperform ตลาดมาหลายปี
ทำให้เป็นที่น่าติดตามว่าปีนี้จะเป็นปีที่เหมาะแก่การลงทุนในหุ้นหรือไม่
นี้คือ 3 ปัจจัยที่เราต้องติดตามด้วยความระมัดระวัง และอาจจะส่งผลต่อการลงทุนในตลาดหุ้น
หรือแม้แต่สินทรัพย์เสี่ยงประเภทอื่นได้อีกด้วย
มีอะไรบ้าง อยากจะเล่าให้ฟังแบบสรุป อย่างนี้ครับ
1. การชะลอตัวของเศรษฐกิจ
ประเด็นสำคัญ คึอ เศรษฐกิจแต่ละประเทศชะลอตัวไม่เหมือนกัน
จากภาวะดอกเบี้ยสูงขึ้นต่อเนื่องและค้างไว้เป็นเวลานาน ในหลายประเทศทั่วโลก
โดยการชะลอตัวของเศรษฐกิจ จะมาจากการชะลอตัวของภาคการส่งออก รวมทั้งภาคธุรกิจที่อ่อนไหวสูงต่อดอกเบี้ย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคอสังหาริมทรัพย์ และภาคอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้าง
ด้วยเหตุนี้เองทำให้ประเทศบางประเทศ บริหารจัดการได้ หรือที่เรียกว่า Soft Landing เช่น สหรัฐอเมริกา หรือญี่ปุ่น
ส่วนประเทศที่พึ่งพาการส่งออกมา จะฟื้นตัวได้ช้าและภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ค่อนข้างมีบทบาทต่อเศรษฐกิจมาก เช่น เจีนและเวียดนาม
2. ดอกเบี้ยมีแนวโน้มลดลงในปีนี้
คำถามหนึ่งที่นักลงทุนมักจะถามมากที่สุด คือ ปีนี้ดอกเบี้ยจะเป็นอย่างไร
คำตอบสั้นๆที่พอจะอธิบายได้ คือ มีแนวโน้มลดลง
โดยเราจะเห็นเด่นชัดขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง ของปี 2567
อัตราดอกเบี้ยแม้จะสูงนาน แต่ตลาดก็มีความคาดหวังจะเห็นการลดดอกเบี้ยในครึ่งปีหลัง
จากการชะลอตัวของเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ
บทวิเคราะห์จาก SCB CIO มีมุมมองว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะเริ่มลดดอกเบี้ยในไตรมาส 3/2567
ขณะที่ ธนาคารกลางญี่ปุ่น คาดว่า จะปรับมาตรการควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Yield Curve Control : YCC) ให้เข้มงวดขี้น
ในช่วงเดือน เม.ย. 2567 แล้วจึงจะยกเลิกทั้งมาตรการ YCC และนโยบายอัตราดอกเบี้ยติดลบ (NIRP) ในเดือนต.ค.2567
ธนาคารกลางกลุ่มประเทศ Emerging markets จีน เวียดนาม อินโดนีเซีย และ อินเดีย มีแนวโน้มปรับลดดอกเบี้ย ในปี 2567
ทั้งนี้ แม้ตลาดคาดหวังการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆ
แต่ในส่วนของนโยบายการคลังนั้น หากประเทศที่มีหนี้สาธารณะสูงอยู่แล้วมีแนวโน้มจะทำมาตรการการคลังขนาดใหญ่
ก็จะทำให้ตลาดมีความกังวล และส่งผลทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสูงขึ้น และค่าเงินอ่อนค่าลง
- ปัจจัยบวกในตลาดหุ้นไทยปี 2567
- 21 หุ้น DR น่าสนใจ โอกาสลงทุนหุ้นนอกผ่านตลาดหุ้นไทย
- 4 เหตุผลที่แบงก์ชาติควรปรับดอกเบี้ยลง แล้วถ้าลงจริง จะส่งผลต่อหุ้นไทยอย่างไร ?
3. ภาวะเศรษฐกิจโตช้า แต่เงินเฟ้อสูง
ภาวะที่ท้าทายเป็นอย่างมาก คือ ภาวะเศรษฐกิจโตช้า แต่เงินเฟ้อสูง หรือ Stagflation
รวมถึงจากภาคธุรกิจมีหนี้ใกล้ครบกำหนดจำนวนมาก ทำให้อาจต้องกู้ยืมใหม่ในอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น
บทวิเคราะห์จาก SCB CIO มองว่า กลุ่มประเทศในยุโรป โดยเฉพาะอังกฤษมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะนี้สูงกว่าภูมิภาคอื่น
ในขณะที่ภาคธุรกิจที่มีหนี้ใกล้ครบกำหนดจำนวนมาก ก็อาจมีความเสี่ยงที่จะต้องกู้ยืมใหม่ (rollover) ในอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นมาก
สะท้อนจากอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ ของกลุ่มหุ้นกู้ที่ให้ผลตอบแทนสูง
ด้วย 3 เหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมด จึงสรุปได้ว่าปี 2567 ถือเป็นอีกปีที่ท้าทายนักลงทุนอย่างมาก
คำถาม คือ เราจะปรับกลยุทธ์การลงทุนอย่างไร
บทวิเคราะห์จาก SCB CIO แนะนำ 2 ธีมการลงทุนที่น่าสนใจ คือ
1. การลงทุนในหุ้นกู้ ประเภท Investment Grade
2. หุ้นที่เติบโตอย่างมีคุณภาพ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และ อินเดีย
ที่เป็นกลุ่ม Quality Growth มีกำไรเติบโตสม่ำเสมอ และมีงบดุลที่แข็งแกร่ง
------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์ SCB CIO