ต้องยอมรับว่าหลายปีมานี้ หุ้นรับเหมาก่อสร้าง เป็นกลุ่มหุ้นที่ค่อนข้าง "เงียบเหงา"
โดยเฉพาะ ITD ที่ราคาหุ้นตกต่ำลงมากว่า -52% ในรอบ 12 เดือน
ล่าสุด มีประเด็นที่น่ากังวล คือ อาจมีความเสี่ยงในเรื่องของการผิดนัดชำระหนี้ ... ?
ITD ได้ขอผู้ถือหุ้นกู้เลื่อนจ่ายเงินต้นที่จะครบกำหนดในกลางเดือนก.พ.ออกไปอีกอย่างน้อย 2 ปี
จากแหล่งข่าวอย่างกรุงเทพธุรกิจออนไลน์ได้สอบถามเรื่องนี้ไปยังทาง ITD ซึ่งยอมรับว่า จะมีการส่งหนังสือแจ้งรายละเอียดการเลื่อนชำระหนี้ให้กับผู้ถือหุ้นกู้ในวันที่ 8 ม.ค.2567 ซึ่งผู้ถือหุ้นกู้จะรับทราบรายละเอียด โดยเฉพาะรุ่นที่กำลังจะครบกำหนดในวันที่ 15 ก.พ.2567
... รวมหนี้หุ้นกู้ ITD สูงกว่า 1.45 หมื่นล้าน
สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย กล่าวว่า จากกระแสข่าว ITD ขอพักจ่าย หุ้นกู้ ทุกรุ่น 2 ปี เป็นการพักจ่ายเงินต้นแต่ยังคงจ่ายดอกเบี้ยนั้น ถือเป็นเงื่อนไขที่ไม่ปกติ ซึ่งทาง ITD จำเป็นต้องเรียกประชุมผู้ถือหุ้นกู้ขออนุมัติเงื่อนไขดังกล่าวก่อน โดยผู้ถือหุ้นกู้ ITD ต้องพิจารณาว่าจะให้ยืดอายุ หรือจะ call default แบบไหนดีกว่ากัน
ประเด็นดังกล่าวยังต้องติดตามดูว่า หากกรณีนี้เจ้าหนี้ให้ถือเป็นการผิดนัดชำระหนี้ อาจมีผลต่อเนื่องไปถึงเงินกู้ยืมจากธนาคารพาณิชย์ที่ปัจจุบัน ITD มีกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งอาจกลายเป็นหนี้เสีย (NPL) ไปด้วย
อ่านมาถึงตรงนี้ นักลงทุนอาจจะสงสัยว่า เกิดอะไรขึ้นกับ ITD ?
สำหรับปัญหาใหญ่ในช่วงที่ผ่านมาของ ITD คือ โครงการลงทุนหลายโครงการมีความผิดพลาด ทั้งตัวโครงการที่ไม่เป็นไปตามแผน และโครงการที่ล่าช้าไปกว่าแผน อันเนื่องมาจากความชัดเจนของภาครัฐ และสถานการณ์ไม่เป็นใจ จนส่งผลต่อสภาพคล่องของตัวบริษัท
ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในโครงการทวาย เขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ที่เมียนมา มูลค่ารวมกว่า 8 พันล้านบาท
ไปจนถึงโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เกือบๆ 4 พันล้านบาท
โดยที่ ITD ไม่ได้มีรายได้และกำไรจากโครงการเหล่านี้เข้ามาเลย
ประกอบกับปัญหางบค้างท่อและการเบิกจ่ายงบจากภาครัฐที่ ITD เข้าไปรับงานมีความล่าช้า
จึงยิ่งทำให้สภาพคล่องของ ITD ตึงตัวมากขึ้น
แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่นักลงทุนคาดหวังมากที่สุด น่าจะเป็นเรื่อง "เหมืองโปแตซ"
ที่พยายามขอให้รัฐบาลช่วยเร่งขับเคลื่อนโครงการเหล่านี้ออกมาโดยเร็ว ด้วยหวังว่าโครงการนี้จะถือเป็นแหล่งรายได้ใหม่ที่สร้างการเติบโตให้กับ ITD ในระยะข้างหน้า แต่กระแสข่าวนี้ก็ดูเงียบหายไป จนนักลงทุนเริ่มสงสัยว่าโครงการนี้จะมีความชัดเจนอย่างไร
อีกสาเหตุที่ราคาหุ้นตกต่ำอย่างต่อเนื่อง และเราปฏิเสธไม่ได้เลย คือ ผลประกอบการที่ย่ำแย่อย่างต่อเนื่อง
ปี 2562 บริษัทขาดทุน 37.34 ล้านบาท
ปี 2563 บริษัทขาดทุน 1.10 พันล้านบาท
ปี 2564 บริษัทขาดทุน 155 ล้านบาท
ปี 2565 บริษัทขาดทุน 4.78 พันล้านบาท
พูดง่ายๆ คือ ประเด็นการผิดนัดชำระหนี้ของ ITD เป็นเรื่องที่น่ากังวล
และความกังวลนี้ ก็ได้ลามมาถึงกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ของไทย ว่าน่าจะมีประเด็นน่ากังวลตามไปด้วย
จากบทวิเคราะห์ของ SCB EIC ระบุว่า
หุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในปี 2567 อยู่ที่ 1.07 ล้านล้านบาท
แบ่งออกเป็น Investment Grade ราวๆ 9 แสนล้านบาท และที่เหลือเป็น Non Investment Grade
ซึ่งในภาคอสังหาริมทรัพย์ จะอยู่ที่ 1.8 แสนล้านบาม คิดเป็น 17% ของหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดชำระทั้งหมด
และถ้าเราดูที่จะครบกำหนดใน ไตรมาส 1 ปี 2567 จะอยู่ที่ 1.9 แสนล้านบาท
แบ่งเป็น Investment Grade 1.48 แสนล้านบาท และ Non Investment Grade 2.04 หมื่นล้านบาท
ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นกู้ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ "เป็นหลัก"
ทำให้ไม่ใช่เรื่องแปลกที่นักลงทุนจะเกิดความกังวลต่อความเสี่ยงที่จะไม่สามารถคืนหุ้นกู้ และจะไม่สามารถ Roll Over ต่อไปได้
- ส่อง 7 หุ้น IPO มาแรง เตรียมเข้าเทรดปีมังกรทอง
- สรุปดีล SPRC ซื้อปั๊มคาลเท็กซ์ รุกสถานีบริการน้ำมัน เพิ่มมูลค่าให้มากแค่ไหน ?
- พลังงานสะอาด กำลังทำให้ทองแดงขาดตลาด ?
แต่ถ้าเราเจาะลึกจริงๆจะพบว่า ไม่น่ากังวลไปซะทั้งหมด ...
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส วิเคราะห์ว่า ประเด็นนี้ต้องวิเคราะห์เป็นรายบริษัทไป
โดยผู้ประกอบการที่มีความเสี่ยงมากที่สุด จะอยู่ที่กลุ่มรายกลายและเล็ก ที่มีพอร์ตสินค้าประเภทคอนโด มากกว่าแนวราบ
ที่สำคัญ คือ ต้องดูสภาพคล่องทางการเงิน และโครงสร้างทางการเงินว่าอ่อนแอแค่ไหน
ซึ่งส่วนใหญ่แล้ว บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของไทย มีโครงสร้างทางการเงินอยู่ในเกณฑ์ดี และภาระหนี้สินดอกเบี้ยจ่ายต่อทุนสุทธิอยู่ในกรอบ 1 เท่ามาโดยตลอด
หุ้นกู้ของบริษัทที่จะทยอยครบกำหนด เช่น LH SPALI SIRI PSH และ AP ซึ่งบริษัทเหล่านี้มีสายป่านยาว เน้นแนวราบมากกว่า กระแสเงินสดหมุนเร็ว และโครงสร้างทางการเงินดี
เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาสภาพคล่อง หรือเรื่องของการผิดนัดชำระหนี้ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ดังนั้น ปัญหาภาคอสังหาริมทรัพย์ของไทยที่จะผิดนัดชำระหนี้ อยู่ในเกณฑ์ที่ "ไม่น่ากังวล"
แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่า คือ ITD เอง
ที่นักลงทุนจำเป็นจะต้องจับตาอย่างใกล้ชิดครับ ...
------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส