เมื่อวานนี้ หุ้นกลุ่ม ปตท. มีปริมาณการขายออกมาค่อนข้างโดดเด่น
โดยเฉพาะหุ้น PTTGC ที่เมื่อวานปรับตัวลง -7% ภายในวันเดียว
ทำให้เกิดคำถามขึ้นว่า เกิดอะไรขึ้นกับหุ้น PTTGC ?
สาเหตุเป็นเพราะว่า นักลงทุนวิตกเรื่องของการปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ
ทำให้กลุ่มปิโตรเคมีเสียผลประโยชน์ และกระทบกับกำไรอย่างมีนัยสำคัญ
วานนี้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้มีการปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติตามข้อเสนอของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.)
และเป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)
โดยปรับโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติ ที่เข้า-ออกโรงแยกก๊าซธรรมชาติ
จากเดิมใช้ราคา Gulf Gas (ก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยเท่านั้น) ให้เปลี่ยนเป็นใช้ราคา Pool Gas หรือราคาเฉลี่ยของก๊าซฯ อ่าวไทย, เมียนมา และ LNG รวมกัน โดยให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2567 เป็นต้นไป
พูดง่ายๆ คือ ภาครัฐกำลังมีการปรับโครงสร้างราคาก๊าซใหม่
และจะมีผลทำให้โรงแยกก๊าซมีต้นทุนที่สูงขึ้น
ซึ่งถ้าเราวิเคราะห์ ผลกระทบของการใช้ Pool Price จะแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มด้วยกัน คือ
1. กลุ่มที่ได้ประโยชน์
กลุ่มโรงไฟฟ้า กลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่ม NGV ที่จะมีต้นทุนเชื้อเพลิงต่ำลง
เพราะโครงสร้างราคาใหม่ จะนำก๊าซจากอ่าวไทยทั้งหมด ซึ่งมีราคาถูกกว่า เฉลี่ยกับโครงสร้างราคาเดิม
ราคา Pool Price จะคำนวนจากก๊าซในอ่าวไทยที่หักปริมาณก๊าซที่เข้าโรงแยกก๊าซ มาเฉลี่ยกับก๊าซนำเข้า
2. กลุ่มที่เสียประโยชน์
คือกลุ่มโรงแยกก๊าซของ PTT และกลุ่มปิโตรเคมี โดยเฉพาะ PTTGC
เพราะต้นทุนก๊าซเดิมจะอิงกับราคาอ่าวไทยที่ 6-7 เหรียญต่อล้านบีทียู
แต่หากเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ ไปใช้ Pool Price ทำให้ต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 9 เหรียญต่อล้านบีทียู
ทำให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
3. กลุ่มที่ไม่ได้รับผลกระทบ
คือ กลุ่มที่ใช้ก๊าซ LPG
เพราะ มติ ครม. ระบุว่าก๊าซธรรมชาติที่นำไปใช้ในการผลิต LPG เป็นเชื้อเพลิง ให้ใช้ต้นทุนราคาจากอ่าวไทย
ประเด็นสำคัญ อยู่ที่กลุ่มเสียผลประโยชน์
เพราะการเพิ่มขึ้นราวๆ 2 เหรียญ จะกระทบกำไรของ PTT และ PTTGC ค่อนข้างมาก
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส ประเมินว่า ในกรณีเลวร้ายสุด
จะกระทบกับกำไรของ PTT ราวๆ 2 หมื่นล้านบาทต่อปี
และกระทบกับกำไรของ PTTGC ราวๆ 5 พันล้านบาทต่อปี
- รู้จัก CHAO เจ้าสัว ฟู้ดส์ อินดัสทรี แปรรูปเนื้อหมู สู่ธุรกิจขนมขบเคี้ยว "พันล้าน"
- สรุป OR จากธุรกิจปั้มน้ำมัน สู่ "พีทีที สเตชั่น" รุก Non-Oil ตามแนวคิด SDG
- ตลาดหุ้นซึมเซา แต่เราก็ควรเตรียมพร้อม
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส แสดงความคิดเห็นว่าราคา Pool Gas ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 8-9 ดอลลาร์ต่อ MMBTU สูงกว่า Gulf Gas เกือบเท่าตัว
ดังนั้นโรงแยกก๊าซของ ปตท. ที่ต้องซื้อก๊าซในราคาที่แพงขึ้น
และอาจจำเป็นต้องขายก๊าซจากโรงแยกก๊าซของ ปตท. ให้กับโรงไฟฟ้า โรงงานปิโตรเคมี และก๊าซ LPG ในราคาที่สูงขึ้น
ซึ่ง PTTGC อาจจะได้รับผลกระทบมาก เพราะโรงงานปิโตรเคมีต้องซื้อก๊าซในราคาที่สูงขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม ราคาซื้อขายก๊าซระหว่าง ปตท. กับ PTTGC เป็นสูตร Net Back
โดยแบ่งปันผลประโยชน์ตามส่วนต่างระหว่างราคาก๊าซกับราคาเม็ดพลาสติก HDPE ทำให้ PTTGC อาจไม่ได้รับผลกระทบทั้งหมด
ดังนั้นจึงน่ามีความเป็นไปได้ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงสูตรซื้อขายกันใหม่หากมีการปรับโครงสร้างราคาก๊าซใหม่จริง
อีกทั้งคาดว่าผลประกอบการของธุรกิจปิโตรเคมีของ PTTGC ยังอยู่อ่อนแอ
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์ฟินันเคจีไอ มองว่าการปรับสูตรราคาก๊าซใหม่ จะกระทบหนักกับโรงแยก ก๊าซของ PTT ที่ปัจจุบันใช้ต้นทุนก๊าซจากอ่าวไทย เป็นใช้ต้นทุนก๊าซ LNG นำเข้ามารวมคิดคำนวณด้วย ทำให้เรามีมุมมองเชิงลบอย่างมากกับ PTT ถ้ามีการปรับสูตรราคาก๊าซใหม่จริง เพราะเราประเมินผล กระทบเบื้องต้นต่อกำไร PTT ประมาณ 3 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 30% ของประมาณการ กำไรของเรา
นอกจากนี้การทำให้ต้นทุนก๊าซในภาคปิโตรเคมีเพิ่มขึ้น จะส่งผลต่อเนื่องในความสามารถใน การแข่งขันของภาคปิโตรเคมีของไทยในตลาดโลก
แต่อย่างไรก็ตาม เรายังจะรอความชัดเจนของการปรับสูตรราคาก๊าซจากรัฐบาลก่อน
สุดท้าย การปรับโครงสร้างราคาก๊าซใหม่ จะกระทบกับ PTT และ PTTGC ค่อนข้างมาก
แต่เราต้องไม่ลืมว่า ประเด็นนี้ยังเป็น มติ ครม. และยังไม่ได้ออกเป็นหนังสือหรือกฏบังคับใช้อย่างชัดเจน
อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
แต่ดูเหมือนว่า นักลงทุนจะมองไปในกรณี Worst Case หรือกรณีเลวร้ายที่สุดไปแล้ว
ประเด็นนี้ยังต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดครับ
------------------------------------------------------------------------------
Reference
บทวิเคราะห์หลักทรัพย์เอเชียพลัส